Michelin Guide Bangkok

ร้านอาหารดาวมิชลินสตาร์ในกรุงเทพฯ ประจำปี 2022

รวบร้านอาหารที่คว้าดาวมิชลินสตาร์

การโฆษณา

ในปี 2022 Michelin Guide ฉบับแรกของไทย ได้ประกาศมอบดาวมิชลินสตาร์ให้ร้านอาหารมากถึง 31 ร้าน โดยการตัดสินนั้นจะขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัตถุดิบ วิธีการปรุงและรสชาติ เชฟ ความคุ้มราคา และความคงที่ของรสชาติ เป็นเกณฑ์หลัก 

ร้านอาหารหนึ่งดาว

  • อาหารฟิวชั่น
  • เจริญกรุง

80/20 (เอทตี้ ทเว็นตี้) ร้านอาหารไทยที่นำเมนูที่ทุกคนมองข้ามมาสร้างสรรค์ใหม่ ตอนนี้นำทีมโดยเฮดเชฟ 'แอนดรูว์ มาร์ติน' ผู้เคยประจำอยู่ที่ร้านอาหารแจ๋ว จิม ทอมป์สัน โดยปัจจุบันจะเสิร์ฟอาหารให้ชิมแบบเทสติ้งเมนู เป็นคอนเซ็ปต์อาหารไทย 12 คำที่เน้นใช้วัตถุดิบจากแต่ละท้องถิ่นในประเทศ แต่ละคอร์สเชฟแอนดรูว์ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารไทยที่เคยกินในแต่ละถิ่นที่

  • อาหารฝรั่งเศส
  • เจริญนคร
  • ราคา 4 จาก 4

นักชิมตัวจริงย่อมต้องรู้จัก Alain Ducasse เชฟชาวฝรั่งเศสที่พกดาวมิชลินสตาร์และรางวัลอีกเพียบเต็มกระเป๋าตลอดหลายทศวรรษ โดยร้านแห่งแรกในประเทศไทยของเขาก็คือ Blue by Alain Ducasse แห่งนี้ ซึ่งเป็นร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสที่นำเสนอวัตถุดิบพรีเมียม แต่เต็มไปด้วยความละเมียดละไม โดยเชฟผู้นำทีมแห่งร้าน Blue ก็คือ เชฟวิลฟริด (Wilfrid Hocquest) ที่ผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่นกับวัตถุดิบนำเข้าให้กลายเป็นจานอาหารชั้นเลิศได้อย่างลงตัว

การโฆษณา
  • อาหารอเมริกันร่วมสมัย
  • วัฒนา

แดน บาร์ค เชฟสัญชาติเกาหลี-อเมริกัน ตั้งใจนำเสนออาหารสไตล์ Progressive American ให้ทุกคนได้ชิมภายใต้ร้านอาหารแห่งนี้ โดยร้าน Cadence by Dan Bark จะมีเอกลักษณ์ตรงเมนูอาหารที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของเชฟแดน ซึ่งจะเสิร์ฟเป็นเทสติ้งเมนูให้ทุกคนได้ชิมอย่างมีเรื่องราว

  • อาหารวิจิตร
  • ทองหล่อ
  • ราคา 4 จาก 4

Canvas โดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยไม้สีเข้มกับไฟสลัวๆ ชั้นล่างเป็นครัวเปิดที่เราสามารถมองเห็นเชฟไรลีย์ แซนเดอร์ ตั้งใจปรุงอาหารหลังเคาน์เตอร์บาร์ได้อย่างชัดเจน โดยอาหารของที่ร้านจะแสดงตัวตนของเชฟผู้รักงานศิลปะได้อย่างชัดเจน เพราะทุกจานอาหารราวกับแกะมาจากภาพวาด และเสิร์ฟให้เรากินได้ผ่านเทสติ้งเมนูที่เน้นใช้วัตถุดิบของไทย

การโฆษณา
  • อาหารไทย
  • พร้อมพงษ์
Chim by Siam Wisdom
Chim by Siam Wisdom

ร้านอาหารไทยสไตล์ไฟน์ไดนิ่งในย่านอโศก เสิร์ฟอาหารไทยดั้งเดิม ท่ามกลางบรรยากาศสุดหรูในบ้านเรือนไทย

  • อาหารฝรั่งเศส
  • เพลินจิต
  • ราคา 4 จาก 4

Elements เป็นร้านอาหารไฟนืไดนิ่งในโรงแรมดิ โอกุระ เพรสทีจ เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสต้นตำรับแบบสมัยใหม่ และมีการเพิ่มรสชาติและวัตถุดิบจากญี่ปุ่นลงไป โดยที่นี่ทุกเมนูสามารถสั่งเป็นแบบอลาคาร์ทได้ ทำให้ทุกคนไม่จำเป็นต้องนั่งรับประทานอาหารเป็นคอร์สเมนูหากไม่มีเวลา

การโฆษณา
  • อาหารญี่ปุ่น
  • สยาม

หนึ่งในร้านที่มิชลินสตาร์จากญี่ปุ่นที่มีสาขาในหลายประเทศ รวมถึงที่ไทยอย่าง Ginza Sushi Ichi (กินซ่า ซูชิอิชิ)ให้ประสบการณ์การทานซูชิที่ยอมเยี่ยมและสมกับราคา เมนูของร้านจะเป็นแบบง่ายๆ เพราะสิ่งที่ยอดเยี่ยมของที่นี่คือวัตถุดิบเกรดพรีเมียมที่บินตรงมาจากญี่ปุ่นทุกวัน เพราะฉะนั้น เมนูแบบโอกามาสะ (ให้เชฟเลือกเมนู)จึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการมาทานที่นี่ ราคาจะมีหลากหลายและที่นี่จะเสิร์ฟเป็นมื้อกลางวัน เริ่มต้นที่ 1300 บาทและมื้อเย็นเริ่มต้นที่ 4000 บาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งเพราะเราจะได้ทานอาหารญี่ปุ่นสดๆด้วยฝีมือเชฟชาวญี่ปุ่นมากประสบการณ์โดยที่ไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่นอีกด้วย

  • อาหารฝรั่งเศส
  • ลุมพินี
J’Aime by Jean-Michel Lorain
J’Aime by Jean-Michel Lorain
ร้านอาหารฝรั่งเศสสุดหรูพร้อมนำเสนอเมนูใหม่ ซึ่งรวมไปถึงเมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ Surf & Tirf ที่เสิร์ฟหอยกาบอบในน้ำมันมะกอก พร้อมกับเครื่องใน แรดิช และมูสส้ม
การโฆษณา
  • อาหารไทย
  • ราชประสงค์

Khao (ข้าว) ร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่งที่เปิดสาขาแรกอยู่ในย่านเอกมัย ซึ่งเป็นร้านสาขาที่ได้รับดาวมิชลิน 1 ดวงมาตั้งแต่การประกาศรางวัลอิดิชั่น 2020 ที่นี่โดดเด่นเรื่องรสชาติอาหารไทยที่เป็นสไตล์ไทยอย่างแท้จริง ไม่ดัดแปลงเพื่อเสิร์ฟให้ถูกใจชาวต่างชาติ แม้ที่ผ่านมาจะเป็นกลุ่มลูกค้าที่ตั้งใจมาชิม ‘ข้าว’ มากเป็นพิเศษ

ร้านอาหารสองดาว

Chef's Table

  • อาหารฝรั่งเศส
  • เจริญกรุง
  • ราคา 4 จาก 4
  • 5 จาก 5 ดาว
  • แนะนำ

Le Normandie แห่งโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เป็นหนึ่งในร้านอาหารฝรั่งเศสสำหรับของกรุงเทพฯ มาหลายปี ด้วยฝีมือการนำโดย Arnaud Dunand Sauthier 

การโฆษณา
  • อาหารยุโรปร่วมสมัย
  • เจริญกรุง
  • ราคา 4 จาก 4

ร้านอาหารยุโรปบนชั้น 65 ของโรงแรมเลอบัว เสิร์ฟอาหารอร่อย พร้อมวิว 180 องศาของกรุงเทพฯ

  • อาหารไทย
  • ทองหล่อ
  • ราคา 3 จาก 4

เชฟชุมพล แจ้งไพร เชฟเซเลบริตี้ชื่อดังของเมืองไทยได้นำอาหารไทยแบบสำรับมาเพิ่มความหรูหราในแบบไฟน์ไดนิ่งกับร้าน R.Haarn (อ่านว่า อาหาร นะจ๊ะ) ซึ่งตั้งอยู่ในบ้านสีขาวในทองหล่อซอย 9 โดยภายในตกแต่งอย่างหรูหราด้วยผนังไม้แบบไทย ตัดกับอิฐปลอมสีดำ ซึ่งดูแตกต่างจากร้านอาหารไทยที่เรามักคุ้นเคยกัน นอกจากนี้ก็ยังมีการใช้ตู้เก็บของเก่า และอุบะอย่างสวยงามอีกด้วย

เมนูของที่ร้านมี 3 เซ็ต โดยแต่ละเซ็ตจะมี 14 จานจากวัตถุดิบท้องถิ่นและเริ่มต้นด้วยของกินเล่นขนาดเล็ก ตามมาด้วยซุปเสิร์ฟในกา และอาหารจานหลัก 4 จาน (เสิร์ฟแบบสำรับ) ก่อนปิดท้ายด้วยของหวานและผลไม้ เซ็ตแรกหรือสำรับเอก (2,612 บาท/คน) เน้นไปที่วัตถุดิบท้องถิ่น มีเมนูที่น่าสนใจ เช่น ขนมครกมาพร้อมกับครีมข่าและไข่ปลาคาเวียร์จากโครงการหลวง ไข่มดแดงย่างถ่านเสิร์ฟกับมะยมป่า เนื้อปูและไข่ปูในน้ำกระทิ และแกงเขียวหวานเนื้อจากกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม แต่ถ้าคุณชอบของเผ็ด สำหรับที่สอง (2,412 บาท) มีทั้งปลาหมอนาย่างถ่านห่อใบตอง และแกงเผ็ดหมูป่ารสจัดจ้าน ในขณะที่เซ็ตที่สาม (2,212 บาท) มีทั้งเนื้อวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่เลี้ยงในโคราชผัดกะเพรา รวมไปถึงแกงมัสมั่นไก่อีกด้วย

การโฆษณา
  • อาหารไทย
  • สุขุุมวิท 26

หากพูดถึงอาหารไทยชั้นสูง เรามักจะนึกถึงอาหารชาววังสูตรโบราณ แต่ร้านศรณ์ได้พิสูน์แล้วว่าอาหารใต้รสเผ็ดจัดจ้านก็สามารถทำให้เป็นอาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่งได้เช่นกัน โดยร้านอาหารแห่งนี้บริหารโดยไอซ์-ศุภักษร จงศิริ เจ้าของร้านอาหารใต้ชื่อดัง บ้านไอซ์ ซึ่งได้แปลงโฉมบ้านไม้สองชั้นในย่านพร้อมพงษ์ให้กลายเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ โดบชั้นล่างทำเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม แสดงเครื่องครัวโบราณ เช่น กระต่ายขูดมะพร้าว และอุปกรณ์จับกระรอก เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีหน้าต่างกระจกให้มองเห็นเข้าไปในครัว ในขณะที่ชั้นสองเป็นบริเวณกินอาหาร ซึ่งมีแบบห้องส่วนตัว และระเบียงอีกด้วย 

เชฟยอดขวัญ อยู่พุ่มพฤกษ์ อยู่กับร้านบ้านไอซ์มาตั้งแต่เปิด และยังได้คลุกคลีกับอาหารใต้อีก 2 ปีเต็มก่อนเปิดร้านศรณ์เพื่อค้นคว้าข้อมูล รวมถึงเดินทางไปยังภาคใต้เพื่อติดต่อกับซัพพลายเออร์ท้องถิ่นอีกด้วย จนได้ออกมาเป็นเมนูอาหาร 5 คอร์ส (2,700 บาท) รวมรวมวัตถุดิบกว่า 20 ชนิดเพื่อแสดงความหลากหลายของภูมิภาค โดยเริ่มต้นจากแรกด้วยจั๊กจั่นทะเลจากภูเก็ตนำมาจี่ในกระทะกับพริกเกลือ ก่อนจุ่มในผงสาหร่ายขนนก หรือกรรเชียงปูจากสุรษฎร์ธานีเสิร์ฟกับน้ำพริกไข่ปู เป็นต้น อาหารจานหลักจะเสิร์ฟแบบสำรับ มีทั้งแกงไตปลา แกงส้มใต้กับปลานกแก้วและมังคุด ปลาหมึกผัดสะตอ โดยจะเสิร์ฟคู่กับข้าวหอมมะลิจากนครศรีธรรมราช รวมไปถึงเครื่องเคียงอื่นๆ เช่น แคปหมู หมูหวาน และปลากรอบ เป็นต้น

  • เย็นอากาศ

เชฟพี่น้องฝาแฝดชาวเยอรมัน Mathias และ Thomas Sühring ได้นำความเป็นเยอรมันแท้ ๆ มาผสมกับเทคนิคใหม่ วัตถุดิบคุณภาพสูงและความคิดสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดเป็นร้านอาหารเยอรมันแบบไฟน์ไดนิ่งชื่อ Sühring ที่ซอยเย็นอากาศ ที่นี่จะเสิร์ฟเป็นเมนูคอร์สแบบ 9 และ 12 คอร์ส ซึ่งก็แล้วแต่ว่าวันนี้เชฟจะได้วัตถุดิบแบบใดมา แต่อย่างไรก็ตาม ไฮไลต์ของทางร้าน ก็คงหนีไม่พ้น Brotzeit (แปลตรงตัวเลยว่า Bread time) ที่เป็นเหมือนกับการทานของว่าง และที่นี่เสิร์ฟขนมปังเปรี้ยวสูตรโฮมเมด และเพรซเซลแบบต้นตำรับที่ไม่ควรพลาดด้วย

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา