1. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  2. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  3. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  4. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  5. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  6. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok
  7. Cadence by Dan Bark
    Sereechai Puttes/Time Out Bangkok

Cadence by Dan Bark

  • Restaurants | อาหารอเมริกันร่วมสมัย
  • วัฒนา
Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

แดน บาร์ค เชฟสัญชาติเกาหลี-อเมริกัน เจ้าของร้านอาหาร Upstairs ที่ประสบความสำเร็จและคว้าดาวมิชลินไปครองได้ทั้งปี 2018 และ 2019 ตอนนี้เชฟและทีมตัดสินใจอำลาร้านอาหารแห่งแรกที่เปิดในเมืองไทย และทุ่มแรงครั้งใหม่ให้กับร้าน Cadence ที่จะพานักชิมทั้งหลายดื่มด่ำไปกับท่วงทำนองบนจานอาหาร ซึ่งรังสรรค์ขึ้นจากตัวตนและประสบการณ์อันเคี่ยวกรำของเชฟแดน

หลายปีก่อนเชฟแดนจะเดินทางมาเมืองไทยและเปิดร้านอาหารของตัวเอง เชฟมีประสบการณ์ในครัวของร้านอาหารระดับ 2 ดาวมิชลินนานถึง 15 ปี ก่อนได้รับหน้าที่ซูเชฟ ณ Grace ร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินอันโด่งดังของเมืองชิคาโก รัฐอิลินอยส์

หลังจากเชฟเดินทางมาถึงประเทศไทย และสร้างทีมที่ช่วยกันผลักดันร้าน Upstairs มานานถึง 5 ปี จนได้รับรางวัลไปถึง 2 ปีซ้อน เชฟแดนและภรรยา คุณเฟย์ - ธัญจิรา ตระกูลวงษ์ ก็ตัดสินใจเริ่มต้นร้านอาหารแห่งใหม่ในคอนเซ็ปต์ไฟน์ไดน์นิง ด้วยอาหารสไตล์ Progressive American โดยร้านตั้งอยู่ในซอยปรีดีพนมยงค์ 25 และเน้นตกแต่งบรรยากาศด้วยโทนสีเรียบหรูสบายตา

ร้านอาหาร Cadence by Dan Bark ทำให้เชฟแดนได้โชว์ความเป็นตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ ผ่านเทสติ้งเมนู 15 คอร์ส ที่ถูกเรียบเรียงทั้งรสชาติ เรื่องราว และความสวยงาม ให้โลดแล่นบนโต๊ะอาหารได้อย่างมีศิลปะและชั้นเชิง พร้อมกับตัวเลือกที่เราสามารถจับคู่แต่ละคอร์สไปกับเครื่องดื่มได้ ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทล ม็อกเทล หรือไวน์

จานที่โดดเด่นเห็นจะเป็นเมนู Red Shrimp กุ้งแดงอาเจนติน่าที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารญี่ปุ่น ได้รสชาติเปรี้ยวสดชื่นจากซอสนมที่มีส่วนผสมของมะกรูด ส้มจี๊ด และแตงกวาดอง ก่อนตัดด้วยรสเค็มจากไข่ปลาแซลมอนและเครื่องเทศ หลังจากนั้นจึงเสิร์ฟจานต่อไปซึ่งมีชื่อว่า Pea เป็นถั่วพิวเรที่มาพร้อมแคนตาลูปคอมเพรส ชาลาเวนเดอร์ แฮมโพรสซุตโต เคียงด้วยวุ้นเส้นทอดกรอบที่ช่วยเพิ่มสัมผัสให้จานนี้

อีกหนึ่งเมนูในเมนคอร์สที่เชฟแดนดึงมาจากความทรงจำวัยเด็ก นั่นก็คือบาร์บีคิวสไตล์เกาหลี ที่เสิร์ฟในชื่อว่า Beef เป็นเนื้อส่วนริบอายจากนิวซีแลนด์ที่มีรสเค็มโดยธรรมชาติ เนื่องจากวัวกินหญ้าริมทะเลเป็นอาหาร เสิร์ฟพร้อมซอสซัมจังของเกาหลี และ บันจัน ที่เป็นเครื่องเคียงสไตล์เกาหลีเช่นกัน

จบคอร์สด้วยเมนูขนมหวาน Dark Chocolate ที่มีแหล่งกำเนิดจาก 3 ถิ่น ผสมผสานรสชาติด้วยบีทรูท นมอัลมอนด์ และทรัฟเฟิล โดยคอร์สเมนูนี้เริ่มต้นที่ราคา 4,300 บาท หากต้องการแพร์ริ่งกับเครื่องดื่ม สามารถเลือกได้คือ ค็อกเทล (เริ่มต้น 2,000 บาท/8 แก้ว) ซึ่งแต่ละแก้วออกแบบรสชาติให้เข้ากับจานอาหารโดย Chris Simon บาร์ไดเรกเตอร์ประจำ Caper by Dan Bark โซนนั่งดื่มที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน หรือจะเลือกเป็น ไวน์ก็มีให้เลือก 2 แบบ คือ นิวเวิลด์ (เริ่มต้น 2,600 บาท/6 แก้ว) และ โอลด์เวิลด์ (เริ่มต้น 3,600 บาท/6 แก้ว)

รายละเอียด

ที่อยู่
225
ซอยปรีดีพนมยงค์ 25
กรุงเทพฯ
เปิดบริการ
เปิดทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 17:00-21:30
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ