[title]
เรารู้ว่าหลายคนไม่ค่อยถูกใจกับอาหารยุโรปที่หนักไปด้วยครีม เนย ชีสกันเท่าไหร่ แต่ถ้าให้พูดตรงๆ เรามองว่าที่ ‘Elements, Inspired by Ciel Bleu’ ห้องอาหารรางวัล 1 ดาวมิชลิน บนชั้น 25 ในโรงแรมดิ โอกุระฯ ที่นี่เสิร์ฟอาหารฝรั่งเศสที่แม้แต่คนไม่ค่อยชอบอาหารยุโรปก็กินได้ง่ายๆ
ทุกคนต้องเห็นแล้วว่าชื่อห้องอาหารนี้จะต่อท้ายด้วยคำว่า Inspired by Ciel Bleu ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหลักๆ ที่เรากำลังจะพูดถึง เพราะว่าห้องอาหาร Ciel Bleu (รางวัล 2 ดาวมิชลิน) ที่อยู่ในโรงแรมดิ โอกุระฯ กรุงอัมสเตอร์ดัม จะขึ้นชื่อเรื่องการทำอาหารสไตล์ฝรั่งเศสผสมผสานวัตถุดิบจากญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว Ciel Bleu เลยเป็นเหมือนพี่สาวที่ส่งต่อแรงบันดาลใจและเป็นต้นแบบให้กับห้องอาหารแห่งนี้ด้วย
อาหารทุกๆ คอร์สที่ทุกคนจะได้ชิมที่ Elements จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นยุโรปผสมเอเชีย รวมทั้งมีเทคนิค ความสวยงาม และความสร้างสรรค์โชว์อยู่ด้วย ก่อนเสิร์ฟให้เราชิมในบรรยากาศสไตล์ครัวเปิดที่เงียบสงบ
ส่วนการกลับมาเปิดให้บริการครั้งนี้ ก็มาพร้อมการเปิดตัวเฮดเชฟคนใหม่สัญชาติสเปน ที่ส่งตรงมาจากทีม Ciel Bleu คือ เชฟเจอราร์ด วิลลาเรท ฮอร์คาโญ (Gerard Villaret Horcajo) ผู้เคยทำงานร่วมกับเชฟอาร์จาน สปีลแมน พ่อครัวใหญ่ประจำห้องอาหาร Ciel Bleu ก่อนบินมาที่นี่ โดยเชฟเจอราร์ดบอกว่า เขาจะใช้ปรัชญาการทำอาหารแบบญี่ปุ่นเข้ามาผสมด้วย คือการใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบให้มีประโยชน์มากที่สุด (from nose to tail)
ดินเนอร์ที่เราชิมครั้งนี้เป็นคอร์สเมนูใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ เชฟเลือกเสิร์ฟคอร์สใหญ่ ‘Mizu Experience’ จำนวน 8 คอร์ส เพื่อให้เรารู้จักรสชาติอาหารสไตล์ใหม่ของ Elements ที่ใส่ความเป็นญี่ปุ่นลงไปมากกว่าเดิม
โดยคอร์สที่เราชอบก็อย่างเช่น “Blue Lobster” กุ้งเนื้อนุ่มเสิร์ฟพร้อมผักสมุนไพร แครอทเพียวเร่ มะเขือเทศ ตามด้วยจานปลา “Norwegian Wild Cod” ปลาคอดเสิร์ฟพร้อมซอสฮอลแลนเดซ สลัด ซอสเวลูเต้คาเวียร์ และหนังปลาคอดกรอบๆ ที่เสิร์ฟเคียงมาบนกระดูกปลาคอด − ก็อย่างที่บอกว่าเชฟพยายามใช้ทุกอย่างให้มีประโยชน์ที่สุด
“Karifurawa” ก็เป็นอีกจานที่ควรตั้งตารอ เพราะวัตถุดิบคือกะหล่ำดอกที่เชฟนำไปทำ 3 แบบ มีทั้งเพียวเร่ ทอดกรอบ และผักดอง เสริมรสด้วยมิโสะและทรัฟเฟิลออยล์ทำเอง คอร์สนี้แม้จะมีชื่อภาษาญี่ปุ่น แต่ได้กลิ่นประเทศฝรั่งเศสชัดหน่อย ต่อด้วย “Foie Gras” ก็เป็นอีกจานที่นึกถึง เพราะจานนี้องค์ประกอบรสชาติดี ตั้งแต่ซอสไวน์และเจลพีชผสมขิง แถมมีข้าวพองกรอบๆ มาช่วยให้จานนี้ไม่เลี่ยนเกินไปด้วย
ต่อจากคอร์สเนื้อเป็ดที่มาจากฟาร์มในไทย ทุกคนจะได้ชิมคอร์สไฮไลต์ “Kagawa Olive A5 Wagyu” เนื้อวากิวเสิร์ฟพร้อมเห็ด มันฝรั่งเกรวี่ และซอสเนื้อ โดยเนื้อวัวนี้จะมาจากเกาะเซโตะ จังหวัดคางาวะ ซึ่งจะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งเนื้อดีคุณภาพสูงระดับโลก เพราะวัวจะกินแต่มะกอกเป็นอาหารเท่านั้น แถมอากาศบนเกาะยังอุณหภูมิสม่ำเสมอตลอดปี ทำให้วัวที่ถูกเลี้ยงไม่เครียดและมีเนื้อนุ่มมาก
คอร์สเมนู Spring Guestronomic Set Journey มีให้เลือกชิม 3 รูปแบบ คือ “Ku-Ki Experience (4 คอร์ส/3,800++ บาท), Chikyu Experience (6 คอร์ส/4,600++ บาท) และ Mizu Experience (8 คอร์ส/5,900++ บาท)
อีกอย่างที่เราอยากแนะนำหากใครจะตามไปชิมด้วยตัวเอง ลองเพิ่ม Kombucha paring (1,100++ บาท) มาจิบไปพร้อมๆ กับมื้ออาหารดู เพราะที่นี่ทำรสชาติคอมบูชาได้น่าสนใจ และที่สำคัญไม่กลบรสชาติอาหารจนมิดเหมือนหลายที่
ห้องอาหารเปิดให้บริการทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18:00 - 22:30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร 02 687 9099 หรือ เว็บไซต์