10 จานเด็ดของปี 2016 การันตีโดย Time Out

พิซซ่าฟู้ดทรัคเจ้าดัง Pizza Massilia ย้ายถิ่นฐานขึ้นมาเป๋นร้านอาหารอย่างเต็มตัว โดยมีจุดเด่นคือพิซซ่าที่อบจากเตาถ่าน ทำให้ได้พิซซ่าบาง กรอบ น่าทาน ส่วนจานที่เราการันตีว่าไม่ผิดหวังแน่นอนก็คือ หน้าขายดีอย่าง Burrata and Culatello ที่เลือกส่วนที่ดีที่สุดของขาหมูมาทำเป็นแฮม เข้ากันได้ดีมากกับความนุ่มของชีสบูราต้า รวมไปถึงซอสมะเขือเทศนำเข้าจากต่างประเทศกับใบโหระพาอิตาเลียนที่ช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อย

Clandestino Cantina ร้านอาหารแบบละตินอเมริกันที่มาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ จึงเป็นร้านที่คนรักอาหารรสจัดจ้านไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ส่วนเมนูที่ Time Out คิดว่าเป็นจานเด็ดของร้านคือ Gabriela’s Signature Pork Belly ที่ปรุงด้วยวิธีการทั้ง 2 แบบคือ อบและซูวี ... บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง!

80/20 เป็นร้านอาหารไทยแบบฟิวชั่นที่ผสมความคิดสร้างสรรค์และวัตถุดิบของไทยลงไปในทุกเมนู ร้านนี้มีเมนูที่อร่อยหลายอย่าง แต่จานเด็ดที่เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดอย่างเด็ดขาดคือ Tea Smoked Duck Breast เนื้อส่วนอกของเป็นรมควันกับชา เสิร์ฟคู่กับฟักทองที่ถูกดัดแปลงจนไม่เหลือเค้าเดิม แต่รสชาติดีเยี่ยม

เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อ Bo.lan (โบ.ลาน) กันมาบ้างแล้ว เพราะร้านอาหารแห่งนี้อยู่มาอย่างยาวนานและมีชื่อเสียงในความอร่อยของอาหารที่ร้าน เชฟโบ-ดวงพร ทรงวิศวะ และ เชฟ Dylan Jones เมนูเด็ดที่อยากแนะนำให้ทุกคนได้ลองก็คือ หลนกะปิคั่ว ปลาฟู กุ้งทอดแนม ผักที่ปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ซึ่งจัดอยู่ในเซ็ตอาหารของทางร้าน

บาร์ที่เป็นสวรรค์ของคนรักวิสกี้อย่าง Rabbit Hole ไม่ได้มีดีแค่วิสกี้และเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีอาหารสำหรับทานเล่นที่รสชาติยอดเยี่ยมไม่แพ้กันด้วยฝีมือของเชฟ Riley Sanders ต้องลองซิกเนเจอร์ของเชฟ Uni Toast ที่เป็นการรวมตัวของไข่หอนเม่นที่หวานตามธรรมชาติ เสิร์ฟบนขนมปังบริโอชกรอบๆ และซอสที่ทำจากโชยุ เนย มะกรูด และมะนาว

ร้านน้องใหม่ Joha เป็นหนึ่งในร้านอาหารเกาหลีที่เป็นร้านโปรดของ Time Out ที่นี่เสิร์ฟอาหารเกาหลีแบบที่เราคุ้นเคยกันในรสชาติเผ็ดๆ แบบปูซาน บอกเลยว่าถ้าไปต้องลอง bibimbab หรือข้าวยำเกาหลี ที่เสิร์ฟในถ้วยหินร้อน เลือกชนิดของเนื้อได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู หอยนางรมหรืออาหารทะเล กับ gosari สมุนไพรเกาหลี และที่เด็ดก็คือซอสพริกที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่

เชฟพี่น้องฝาแฝดชาวเยอรมัน Mathias และ Thomas Sühring ได้นำความเป็นเยอรมันแท้ๆ มาผสมกับเทคนิคใหม่ วัตถุดิบคุณภาพสูงและความคิดสร้างสรรค์ ก่อให้เกิดเป็นร้านอาหารเยอรมันแบบไฟน์ไดนิ่งชื่อ Sühring ไฮไลต์ของทางร้าน ก็คงหนีไม่พ้น Brotzeit (แปลตรงตัวเลยว่า Bread time) ขนมปังเปรี้ยวแบบโฮมเมดที่ถูกท็อปด้วยเนย หนังหมูกรอบๆ และเพรซเซลก่อนที่จะถูกห่อด้วยฟอยล์ ย่างถ่านและเสิร์ฟคู่กับแฮม Black Forest และ Sauerkraut (หรือกะหล่ำดอง) เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในขนมปังที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้

Chunky พิเศษกว่าร้านเบอร์เกอร์ท่ี่อื่นๆ ด้วยการใช้ขนมปังบริโอชแทนขนมปังบันแบบทั่วๆ ไป ส่วนเมนูโปรดของเราก็คือเบอร์เกอร์เนื้อที่ประกอบไปด้วยเนื้อจากนิวซีแลนด์ที่ผ่านการซูวีนำมาสไลซ์ ซอสที่ถูกเคี่ยวมากว่า 3 วัน เห็ดและหัวหอม จึงทำให้รสชาติของวัตถุดิบต่างๆ เข้ากันได้อย่างดีเยี่ยม

คงไม่ต้องแนะนำมากสำหรับร้านขนมปังฝรั่งเศสอย่าง Ladurée ที่เสิร์ฟทั้งอาหารและชุดนำชาซึ่งแนะนำให้ดื่มคู่กับ La Pain Perdu หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าเฟรนช์โทสต์ ที่นี่พิเศษกว่าที่อื่นคือ ขนมปังบริโอชนุ่มๆ ถูกทาให้ชุ่มด้วยเนยที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ จากนั้นนำไปย่างบนกระทะ เสิร์ฟคู่กับเมเปิ้ลไซรัปกับ Chantilly Cream

Baa Ga Din (แบกะดิน) ร้านอาหารไทยที่มากับคอนเซ็ปต์สตรีทฟู้ดสไตล์โมเดิร์นของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยลูกเล่นและเสน่ห์ที่ไม่เหมือนที่ไหน สำหรับเมนูแนะนำจาก Time Out ก็คงเป็น เค้กงาดำ ที่ได้แรงบันดาลใจจากกล้วยทอดโรยงาดำที่เห็นตามท้องถนนทั่วไป แล้วนำมาเสิร์ฟเป็นเค้กงาดำเนื้อนุ่มฟู เข้ากันได้ดีกับไอศกรีม กล้วยปิ้ง และน้ำตาลปี๊บ