ที่กิน ที่เที่ยว ที่ชิล ในย่านธนบุรี

พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช หรือพิพิธภัณฑ์แห่งความตาย เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ บอกเลยว่าถ้าใครสนใจในด้านนี้หรือแค่อยากลองไปเยี่ยมชม ก็ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด

พิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของพื้นที่บริเวณคลองบางกอกน้อยวังหลัง ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีสืบมาจนถึงปัจจุบัน และประวัติของโรงพยาบาลศิริราช ประวัติการแพทย์แผนไทย การสร้างทางรถไฟสายใต้ และวิถีชุมชนบางกอกน้อย โดยใช้เทคนิคนำเสนอที่ทันสมัย

สวรรค์ของคนรักสุขภาพอีกที่หนึ่ง ครบครันด้วยบริการปรนนิบัติและรักษาที่หลากหลายโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งใช้แพทย์แผนไทยผสมผสานเข้ากับแพทย์สมัยใหม่ เช่น การนวดผิว ขัดผิวด้วยสมุนไพร การนวดไทยราชสำนัก รวมถึงการผ่อนคลายด้วยธาราสนานในอ่างจากุชซี่ เป็นต้น

แหล่งรวมร้านอาหารและของกินอร่อยๆ ที่คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาเดินจับจ่ายตลอดเวลา ไม่ว่าจะวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ หรือวันธรรมดา

คาเฟ่ริมน้ำใต้โรงแรม Baan Wanglang Riverside เป็นสถานที่ซึ่งเหมาะจะนั่งพักหลังจากเดินเล่นในตลาดวังหลังกันจนเมื่อย

ร้านอาหารไทยริมน้ำบรรยากาศหรูหราพอสมควร ด้วยการตกแต่งแบบไทยประยุกต์ แบ่งที่นั่งเป็นสองเรือน และมีโซนเอ้าท์ดอร์สำหรับชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาโดยเฉพาะ ส่วนอาหารนั้นน่าจะถูกปากชาวต่างชาติอย่างแน่นอน

วัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีหอพระไตรปิฎกอันทรงคุณค่าอยู่ทางด้านหลังของวัด แถมที่นี่ยังสามารถเดินทางมาด้วยเรือได้อย่างสะดวกสบายมาก จะนั่งเรือข้ามฟากมาจากท่าช้าง หรือนั่งเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าวังหลังแล้วเดินต่อมายังวัดก็ได้ 

วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหารหรือวัดแจ้งคือหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ โดยมีไฮไลต์เป็นพระปรางค์ที่สูงที่สุดในกรุงเทพฯ ทั้งยังประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบจึงสะท้อนแสงอย่างสวยงามเมื่อกระทบกับแสงแดดในยามเย็น

พระราชวังเดิม หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า พระราชวังกรุงธนบุรี เป็นพระราชวังหลวงเพียงแห่งเดียวของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ของกองบัญชาการทัพเรือ

ป้อมปราการสำคัญที่ใช้ป้องกันข้าศึกในอดีต อยู่ในพื้นที่ของกองบัญชาการกองทัพเรือ ด้านหน้าพระราชวังเดิม ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันใช้เป็นที่ยิงสลุตในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ และมีการติดตั้งเสาธงบริเวณทางเข้าป้อมทางทิศตะวันตกตรงกำแพงชั้นใน เพื่อชักธงราชนาวีและธงผู้บัญชาการทหารเรืออีกด้วย

วัดเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยมีพระประธานของวัดคือหลวงพ่อโต หรือที่ชาวไทยเชื้อสายจีนนับถือกันในนาม ซำปอกง ชาวพุทธนิยมแวะมาสักการบูชาเพื่อขอพรให้เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย และขอให้มีมิตรสหายและเพื่อนที่ดี

พิพิธภัณฑ์ในท้ายซอยหลักของชุมชนกุฎีจีนบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของราชอาณาจักรสยามและโปรตุเกสตั้งแต่สมัยพระเจ้ามานูเอลที่ 1 ทรงส่งเรือมาเยือนประเทศในทวีปเอเชีย และยังสามารถปีนขึ้นบนชั้นลอยด้านบนที่จัดสำหรับชมวิวกุฎีจีนและแม่น้ำเจ้าพระยาเกือบ 360 องศาอีกด้วย

โบสถ์คาธอลิกเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีความโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบเรอเนสซองส์ผสมนีโอคลาสสิก และยอดโดมสีแดงเด่นเป็นสง่าที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับโดมของมหาวิหารฟลอเรนซ์ เห็นได้อย่างชัดเจนแม้ว่าจะอยู่อีกฟากของแม่น้ำเจ้าพระยา

วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดรั้วเหล็ก เพราะกำแพงบางส่วนเป็นรั้วเหล็ก ทำเป็นรูปอาวุธ เช่น หอก ดาบ ขวาน เป็นต้น ติดกับวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารคือ กุฎีจีน ชุมชนเก่าแก่สไตล์โปรตุเกสที่มีอายุมากกว่า 250 ปี ที่ซึ่งคุณจะสามารถเดินชมสถาปัตยกรรมแบบยุโรปได้

สวนจำลองแบบโบราณอายุกว่า 180 ปี อยู่บริเวณข้างประตูทางเข้าวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ภายในบริเวณประดับประดาด้วยต้นไม้ด้วยพันธุ์ไม้หายากนานาชนิดนับไม่ถ้วน จึงเป็นสถานที่อันน่ารื่นรมย์ควรค่าให้แวะเข้ามาสัมผัสบรรยากาศแห่งธรรมชาติ