10 ร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่น สำหรับคนคิดถึงบรรยากาศและรสชาติน้ำซุปร้อนๆ

ร้านราเมนเจ้าใหม่โดย ‘เชฟชิน อิโนะอุเอะ’ ที่เราว่าเป็นตัวจุดประกายให้หลายคนเกิดอยากกินราเมนขึ้นมาอีกครั้ง เพราะนอกจากขึ้นชื่อว่าจองยากแล้ว (ต้องโทรทุกวันตอน 9 โมงเช้า) ในหนึ่งวันเชฟจะรับเพียง 5 รอบ รอบละ 8 ที่นั่งเท่านั้น และเสิร์ฟราเมนเพียง 35 ชามต่อวัน ซึ่งเท่ากับว่าทุกคนจะได้ชิมราเมนเพียง 1 ชาม ห้ามสั่งเพิ่ม เนื่องจากเชฟใช้วัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น บางอย่างก็หายาก หรือบางอย่างก็มีจำกัด ทำให้ทุกๆ วันเชฟจะเตรียมของมาแค่พอดี

ความพิเศษของร้านนี้ก็เริ่มตั้งแต่ ‘เส้น’ ที่เชฟใส่ใจทุกขั้นตอนและพิถีพิถันมาก ทุกคนจะได้เห็นแน่นอนเพราะร้านเป็นเคาน์เตอร์บาร์ รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ ในชามอีกที่ใช้วัตถุดิบกว่า 30 อย่างในการทำ

ตอนนี้ที่ร้านมีเพียง 2 เมนูเท่านั้น ให้เลือกระหว่าง Tokusei Kombusui Tsuke Soba (470 บาท) ราเมนแห้งในน้ำคอมบุดาชิ เสิร์ฟพร้อมซุปโชยุ หมูชาชูซูวี ไก่ชาชู ไข่ และเมนมะ เมนูนี้มีลูกเล่นตรงให้เราลองใส่น้ำส้มสายชูบ๊วย ซันโชออยล์ หรือเกลือ ระหว่างกินได้ ซึ่งรสชาติจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ และอีกเมนู Tokusei Shio Soba (450 บาท) เป็นราเมนน้ำที่มาพร้อมซุปเป่าฮื้อและอาซาริ เครื่องเคียงต่างๆ เหมือนกัน แต่ใส่เห็ดและซอสยูสุเพิ่ม

ร้านราเมนเจ้าแรกของญี่ปุ่นและของโลกที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์ ตอนนี้มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยอยู่ที่ Central World และอีกสาขาใหม่ล่าสุด Central Ladprao โดยทั้งสองแห่งนี้จะใช้วัตถุดิบหลักในการทำเส้นแบบเดียวกับร้านที่ญี่ปุ่น และมีเซ็ตเมนูแบบเดียวกันให้สั่งมาลองด้วย ซึ่งเสน่ห์ของราเมนเจ้านี้จะอยู่ที่ ‘น้ำซุปดาชิ’ ผสมวัตถุดิบพิเศษที่เป็นตัวชูโรงให้รสชาติโดดเด่นและหลายมิติ

เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เช่น Tsuta Signature Shoyu Soba (390 บาท) ใช้น้ำซุปดาชิผสมไก่ ปลา และหอย ก่อนเสริมรสชาติด้วยซอส 3 ชนิด ได้แก่ บัลซามิก แบล็คทรัฟเฟิล ฟิก และซอสครีมเห็ด

ราเมนญี่ปุ่นต้นตำรับจากนาโกย่า และเป็นอีกร้านยอดฮิตที่หลายคนติดใจ โดยความเด็ดอยู่ตรงน้ำซุปที่เคี่ยวนานจนมีรสเข้มข้น ส่วนเมนูขึ้นชื่อของร้านก็คือ “Tsukemen (สึเคเมง)” ที่ใครมาก็ต้องสั่ง แถมมีให้ลองหลายเมนูด้วย เช่น Umakara Tsukemen special (330 บาท) เส้นสึเคเมนกับท็อปปิ้งพิเศษ 5 อย่าง เสิร์ฟแยกกับน้ำซุปเข้มข้นผสมเต้าหู้

ตอนนี้ร้านมีทั้งหมด 5 สาขา ได้แก่ สุขุมวิทซอย 39, BTSพระโขนง, เอกมัยซอย 2, ทุ่งครุ และเชียงใหม่

ร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่นที่ไม่เหมือนใครตรงใช้ ‘น้ำซุปยูสุ’ และทำรสชาติเมนูส่วนใหญ่ให้ถูกปากคนไทย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นต้นตำรับให้ชิมอยู่ทุกชาม แถมร้านยังมาพร้อมบรรยากาศสีสันสดใส ชวนนึกถึงญี่ปุ่นด้วย 

เมนูแนะนำของร้านก็คือ “Spicy Yuzu Tonkotsu Ramen (320 บาท)” ราเมนรสจัดจ้านและหอมส้มยูซุอ่อนๆ และทุกคนยังสามารถเลือกระดับความเผ็ดของซุปได้ตั้งแต่ 25% ถึง 200% ไปเลย! 

ร้านมี 2 สาขาคือ Siam Square ซอย 3 และสาขาไอคอนสยาม

ร้านราเมนของ ‘เชฟโทโมะฮารุ โชโนะ’ ที่เรียกตัวเองว่าเป็น Ramen Creators และถ้าหากลองไปส่องอินสตราแกรมของเชฟก็จะพบราเมนมากหน้าหลายตาสมกับฉายาของเขาจริงๆ ซึ่งทั้งหมดเป็นราเมนที่เขารังสรรค์ขึ้นเพื่อร้าน Mensho ทุกสาขาทั่วโลก

สำหรับสาขาต้นตำรับจะอยู่ที่กรุงโตเกียว และมีสาขานอกประเทศอีกหลายแห่ง ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา มาจนถึงประเทศไทยที่เปิดอยู่ตรงซอยสุขุมวิท 31 ซึ่งเอกลักษณ์ของราเมนร้านนี้จะอยู่ตรงความสร้างสรรค์ มีเมนูใหม่ๆ มาให้แย่งชิงกันตลอด แถมเส้นราเมนของที่นี่ก็มีหลายแบบ และทำกันสดๆ ให้ดูกันวันต่อวัน

เมนูซิกเนเจอร์อย่างเช่น “Shoyu Ramen (290 บาท” เป็นราเมนเบสโชยุที่ร้านบอกว่าปรับสูตรใหม่หลังจากขายมาตั้งแต่ปี 2018 โดยน้ำซุปทำมาจากปลาแห้ง เห็ดชิตาเกะ และหอยทะเล มาพร้อมหมูชาชูซูวีดที่เนื้อนุ่มจนเราติดใจ และทุกคนจะเลือกเส้นได้ระหว่าง ‘โฮโซเมน’ เป็นเส้นเล็ก หรือ ‘เทโมมิ’ เป็นเส้นนวดด้วยมือ

อีกร้านราเมนที่คนรักราเมนต้องพูดถึงเสมอ เพราะเป็นร้านดังระดับท็อปจากโตเกียวที่แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็นิยม และถ้าหากใครมีโอกาสไปเหยียบถึงถิ่นก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน โดยตอนนี้ร้านย้ายมาเปิดอยู่ใน Gaysorn Tower แล้ว และคิวก็ยังแน่นไม่ต่างจากเดิม ใครคิดถึงรีบตามไปชิมให้ไว

เมนูขึ้นชื่อของร้านเป็น “Tsukemen” ที่มีซิกเนเจอร์คือ “Chashu Itto Tsukemen (350 บาท)” เป็นราเมนเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 3 อย่าง ได้แก่ ไก่ หมู และหมูสามชั้น

ร้านนี้ก็โด่งดังมาจากญี่ปุ่นเช่นกัน โดยจะขึ้นชื่อเรื่องน้ำซุปทงคตสึที่มีรสชาติเข้มข้นเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าใครมากินก็ต้องบอกปากต่อปากว่าเข้มข้นถึงใจ แต่ทุกคนสามารถเลือกลดความเข้มข้นหรือความมันของน้ำซุปได้นะ เพราะรสชาติที่ร้านเสิร์ฟจะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับแท้ๆ 

เมนูที่ต้องลองหากมาร้านนี้ก็คือ “Ikakuni Bankara (290 บาท)” เป็นราเมนต้นตำรับเวอร์ชั่นอัปเกรด โดยจะเพิ่มหมูสามชั้นตุ๋น 3 วันมาให้ด้วย

อีกร้านราเมนเจ้าประจำของหลายๆ คนที่มีต้นตำรับมาจากจังหวัดเอฮิมะ และมีสาขาอยู่หลายประเทศทั่วโลกเช่นกัน โดยสาขาในฮ่องกงเคยได้รางวัลมิชลิน ไกด์ ติดกันถึง 6 ปีซ้อน (2014 - 2019) ด้วย ส่วนสาขาแรกในประเทศไทยจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 49 เสิร์ฟราเมนรสชาติใกล้เคียงสาขาต้นตำรับให้ชิม

ร้านนี้มีซิกเนเจอร์คือราเมนแห้ง หรือ “Tsukemen (235-250 บาท)” เลือกได้ระหว่างหมูชาชูย่างถ่าน หรือเนื้อสไลด์ผัดซอส โดยเสิร์ฟให้กินคู่กับเส้นเหนียวนุ่ม ซุปซี่โครงไก่ผสมดาชิ และโชยุหมักนาน 18 เดือน ซึ่งทุกคนสามารถสั่งลดเส้น ลดความมันหรือความเข้มข้นได้เช่นเดียวกัน

ร้านนี้เสิร์ฟราเมนสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับโดยเชฟชาวญี่ปุ่น แต่ทำรสชาติได้ถูกปากทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นเลย แถมเป็นร้านที่มีเมนูใหม่ๆ มาให้กลับไปลองตลอดด้วย ส่วนน้ำซุปของที่นี่ก็เด็ดไม่แพ้กัน เพราะมีหลายแบบ ตั้งแต่ซุปกระดูกหมูสีขาวน่าซด ซุปกระดูกพรีเมียม หรือซุปใสก็มี

เมื่อมาต้องลองสั่ง “ชิโระชาชูราเมง ออริจินัลซุป (269 บาท)” เป็นราเมนน้ำซุปกระดูกสีขาวที่ร้านแนะนำสำหรับคนมาลองครั้งแรก โดยมาพร้อมหมูชาชู เมนมะ ไข่ และสาหร่าย ซึ่งทุกคนเลือกระดับความนุ่มของเส้นได้ด้วยนะ

ร้านราเมนอีกแห่งที่มีหนึ่งในผู้ริเริ่มคือ ‘เชฟชิน อิโนะอุเอะ’ คนเดียวกับที่ยืนทำราเมนเสิร์ฟอยู่ที่ร้าน No Name Noodle ในตอนนี้ โดยร้าน Rock Men เป็นร้านแรกที่เชฟชินออกมาโชว์ฝีมือเต็มๆ ด้วยตัวเอง และที่สำคัญคือเสิร์ฟจำกัดวันละ 69 ชามเท่านั้น แบ่งเป็นรอบเช้าและรอบเย็น ซึ่งแน่นอนว่าต้องจองคิวก่อนชิมเช่นกัน

เบสน้ำซุปของร้านนี้ทำมาจากไก่ มีเมนูซิกเนเจอร์คือ “Shio Rock Men All Star (350 บาท)” แต่ร้านจะมีเมนูพิเศษมาให้ลองอยู่เรื่อยๆ เช่นตอนนี้จะเป็นเมนู “Niboshi Ramen (350 บาท)” ราเมนเส้นสดที่ใส่น้ำซุปเบสจากโชยุ มาพร้อมหมูชาชู ไข่ หน่อไม้ และสาหร่าย