10 คาเฟ่ ร้านกาแฟ และทีรูมน่านั่งย่านเจริญกรุง

Madi คาเฟ่และอาร์ตสเปซเป็นส่วนหนึ่งของครีเอทีฟควอเตอร์ Charoen43 ตรงปากซอยเจริญกรุง 43 เยื้องๆ อาคารไปรษณีย์กลาง เป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ น่ารักสไตล์มินิมัลนอร์ดิกที่สายคาเฟ่และอินสตาแกรมต้องชอบ

“เริ่มจากเป็นคนติดเพื่อน” หนึ่งในเจ้าของร้าน สาธิยา ศิริพจนากร เล่าให้เราฟัง เธอและเพื่อนสนิท เมธิกานต์ ขวัญเมือง เลยตั้งใจจะสร้างร้านให้เป็นพื้นที่ที่จะชักชวนให้ circle of friends "มาดิ" เพื่อมาพบเจอและสร้างบทสนาดีๆ กัน โดยชั้นล่างจะเป็นมุมคาเฟ่ที่คั่วจากเมล็ดกาแฟแม่จันใต้ ราคาเริ่มต้นที่แก้วละ 90 บาท ในขณะที่ชั้นบนคือ creator hub ที่เปิดพื้นที่ให้ศิลปะทุกแขนง โดยปัจจุบันแสดงผลงานภาพถ่ายของน้องมาดี ลูกสาวของหนึ่งในหุ้นส่วนคนที่ว่านี่เอง

ร้านชาไทยสีสดที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กหลังศาลเจ้าโจวซือกง เกิดจากไอเดียของนักออกแบบ ศรัณย์ เย็นปัญญา ที่ต้องการปัดฝุ่นวัฒนธรรมร้านโกปี๊และสรรพสิ่งรอบตัวให้มีชีวิตอีกครั้งในรูปแบบที่ต่างออกไป

La Cabra คาเฟ่ที่นำพาวัฒนธรรมกาแฟสแกนดิเนเวียนมาทักทายคอกาแฟกรุงเทพฯ โดยบ้านเกิดของ La Cabra อยู่ที่เมืองอาร์ฮุส (Aarhus) เมืองฮิปสเตอร์ของเดนมาร์ก ที่มีทั้งอาร์ต แกลเลอรีดีๆ และคาเฟ่สวยๆ กระจายตัวอยู่รอบเมือง และด้วยองค์ประกอบทั้งหมดที่ว่ามานั้น ‘บิว - เอกไท’ เจ้าของร้าน จึงเลือกย่านเจริญกรุงเป็นที่ตั้งของร้านสาขาแรกในกรุงเทพฯ

กาแฟทุกแก้วชงด้วยเมล็ดที่ผ่านการคั่วแบบ one roasting profile หรือการคั่วแบบเดียวต่อเมล็ดหนึ่งตัว สำหรับชงกาแฟทุกแบบ โดยจะถูกคั่วที่เดนมาร์กและส่งตรงมายังเจริญกรุง สามารถเลือกชิมได้ 2 สไตล์คือ comfort (ราคาเริ่มต้น 110 บาท) ใช้เมล็ดกาแฟจากบราซิลเป็นหลัก ให้กลิ่นและรสชาติของช็อกโกแล็ต คาราเมลและนัตตี เน้นดื่มง่าย

ส่วนคอกาแฟมากประสบการณ์ แนะนำให้ลองสั่งแบบ adventurous  (ราคาเริ่มต้น 150 บาท) ที่รสชาติกาแฟจะสว่างกว่า comfort โดดเด่นด้วยกลิ่นและรสชาติของผลไม้และดอกไม้ อยากได้รสชาติแบบไหนสามารถคุยกับบาริสตาได้แบบกันเองๆ แล้วบาริสตาก็จะเป็นคนเลือกใช้เมล็ดกาแฟตามรสชาติที่เราต้องการ

มิลก์เชกบาร์น้องใหม่ในตึกเดียวกับร้านล้างฟิล์มชื่อดังอย่าง Fotoclub ปากซอยเจริญกรุง 32 ที่มาในธีมการตกแต่งแบบออสเตรเลียนไดเนอร์ โทนสีแดง-ชมฟูสุดฟรุ้งฟริ้ง เต็มไปด้วยสิ่งของน่ารักๆ ตั้งแต่ชุดโต๊ะเก้าอี้สีชมพูหลายเฉด ไปจนถึงชั้นวางที่อัดแน่นไปด้วยขวดโหลลูกกวาดหลากสีสันและกล่องนมลายการ์ตูน

แถมมิลก์เชกทุกแก้วที่เสิร์ฟก็ได้รับการตกแต่งให้น่ารักสุดๆ อาทิ Jaffa Milkshake ที่ทำจากดาร์กช็อกโกแลต ส้ม และช็อกโกแลตชิป และตกแต่งด้วยบรรดาขนมอบหมุนเวียน อย่าง ซอฟต์คุกกี้  M&M บราวนี่ และเพรทเซล ที่ดูท่าทางจะเหมาะกับคนที่เป็นสายหวานตัวจริง

ร้านขนมโตเกียวสุดอาร์ต ที่เกิดจากศิลปินเจ้าของร้านผู้หลงใหลในการทำอาหาร จึงทำให้เกิดร้านขนมโตเกียวที่ไม่ได้วาดลวดลายแค่บนเตาร้อนๆ แต่รวมถึงการตกแต่งร้านและเมนูสุดครีเอท ที่ทำให้ขนมโตเกียวที่เราคุ้นเคยแตกต่างออกไปอย่างน่าสนใจ

ด้วยรสชาติจัดจ้าน เข้มข้น และมีไส้ให้เลือกหลากหลาย ทำให้คนชอบกินขนมสตรีตฟู้ดเมนูนี้อาจตกหลุมรัก Tokyo Hot ได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมนูอย่าง กระเพราไข่เจียว (35 บาท) ที่รสชาติเข้มข้นตามฉบับกระเพรา หรือ ไก่ย่างบาร์บีคิวซอสหม่าล่า (30 บาท) ที่มีรสชาติเผ็ดลิ้นชาอ่อนๆ ใครชอบรสจัดต้องลอง

แน่นอนว่ามีเมนูไส้หวานด้วยเช่นกัน ซึ่งมีความแปลกใหม่น่าสนใจไม่แพ้ไส้คาว แนะนำให้ลอง บราวนี่สังขยาไข่เค็ม (45 บาท) กัดในหนึ่งคำได้รสชาติทั้งความหวานขมนิดๆ ของบราวนี่ และความหอมมันของไข่เค็ม แต่สำหรับคนที่เลือกไม่ถูกว่าจะสั่งอะไร ทางร้านก็รวมเป็นเมนูยอดฮิตมาให้ใน โตเกียว ฮ็อท ซิกเนเจอร์ (115 บาท) ประกอบด้วย ทาโก้ ที่ใช้แป้งโตเกียวแทน สอดไส้ผักและหมูทรงเครื่องสไตล์เม็กซิกัน อีกชิ้นเป็น โตเกียวรสต้มยำกุ้ง ที่ได้รสชาติเผ็ดร้อนจากเครื่องต้มยำ กัดแล้วเจอกุ้งทั้งชิ้น และสุดท้าย โตเกียวสังขยาไข่เค็ม ที่รวมความหอมหวานของสังขยา เข้ากับรสเค็มมันของไข่เค็ม บอกเลยว่าสั่งเซ็ตเดียวได้ลองครบทุกรสชาติ

นอกจากความอาร์ตในเรื่องอาหารแล้ว บรรยากาศในร้านก็อาร์ตไม่แพ้กัน เดิมที Tokyo Hot ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 24 แต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ในซอยเจริญกรุง 43 ไม่ไกลจากอาคารไปรษณีย์กลางฯ ทำเลใหม่นี้ทำให้หมดปัญหาเรื่องอากาศร้อนอบอ้าวไปเลย เพราะตัวร้านค่อนข้างเปิดโล่ง สามารถแวะมานั่งกินได้ทั้งขนมหรืออาหารก็ได้เช่นกัน

คาเฟ่ร้านดังจากสิงคโปร์ที่ได้มาปักหลักอย่างเป็นทางการที่เจริญกรุง บนพื้นที่ของอาคารพาณิชย์สองหลังอายุกว่าร้อยปี เชื่อมถึงกันด้วยซุ้มประตูโค้ง ณ บริเวณชั้น 2 ของคาเฟ่ เปลี่ยนฉากจากร้านอะไหล่เรือให้กลายเป็นคาเฟ่ปูนเปลือยผสมความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว

ร้านอาหารเปิดใหม่แห่งนี้ (ออกเสียงว่า เฮยจี แปลว่าไก่ดำ) เพิ่งเปิดไม่นานแต่กำลังมาแรง แค่ชื่อร้านก็บอกคอนเซ็ปต์แล้วว่าเน้นที่ความจีน เพราะฉะนั้นแค่คุณย่างก้าวเข้าไปก็จะรู้สึกประหนึ่งเหมือนอยู่ในคาเฟ่เก๋ๆ ในฮ่องกง

Patina (พาทีน่า) คาเฟ่ย่านตลาดน้อยที่เคยมีชื่อว่า บ้านเหลียวแล มาก่อน ซึ่งปกติแล้วจะไม่เปิดให้เข้าชมด้านในนอกจากมีการจัดเทศกาลใหญ่ๆ เท่านั้น 

ภายในเป็นบ้านสไตล์ไทย-จีนโบราณ แบ่งเป็น 2 ชั้น และมีตัวบ้าน 3 ส่วนที่แยกจากกันด้วยสเปซกลางแจ้ง เป็นเอกลักษณ์ของบ้านคนจีนในสมัยก่อนที่มีไว้เพื่อช่วยระบายอากาศ และเมื่อเดินเข้ามาจะเจอเคาน์เตอร์สำหรับสั่งขนมและเครื่องดื่มที่อยู่ด้านในสุด โต๊ะและเก้าอี้มีให้เลือกทั้งในร่มและด้านนอก ซึ่งหากวันไหนแดดไม่ร้อนจะเหมาะกับการนั่งจิบกาแฟชมตัวบ้านเป็นอย่างดี

คาเฟ่ในพื้นที่บ้านเก่าอายุ 150 กว่าปี ที่ถูกรีโนเวทใหม่ โดยบรรยากาศเป็นคาเฟ่ริมแม่น้ำ มีทั้งโซนนั่งรับลมด้านนอกหรือนั่งดื่มด่ำไปกับการตกแต่งสไตล์จีนด้านในร้าน

ร้านกาแฟในบริเวณ Central: The Original Store ที่ให้บริการกาแฟ (เราแนะนำ cold brew) และเบเกอรีในบรรยากาศสงบๆ ของร้านหนังสือและการตกแต่งแบบ mid-century modern อย่างคลาสสิค

คาเฟ่และแกลเลอรีในพื้นที่ของตึกแถวเก่า 5 ชั้นที่ซ่อนตัวอย่างกลมกลืนไปกับตึกแถวดิบๆ เก่าๆ ในย่านตลอดน้อย ด้านในตกแต่งสไตล์ลอฟต์แต่เน้นความน่ารักจากสองคาแรคเตอร์ ‘Timo’ และ ‘Tintin’ สามารถเลือกนั่งได้หลากหลายมุม ส่วนด้านบนสุดก็ยังมีรูฟท็อปขนาดกะทักรัดให้ได้ขึ้นไปชมวิวตลาดน้อยกันด้วย 

Timo and Tintin  เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.

ร้านกาแฟที่เริ่มต้นจากพื้นที่เล็กๆ จนขยับขยายเต็มพื้นที่ชั้น 2 ของตึกบริเวณตลาดน้อย ที่ต้องฝ่ากองอะไหล่รถเพื่อไปชิมกาแฟกับลีลาการชงด้วยเครื่องเอสเพรสโซ่แบบแมนนวลของคุณแม่เพลินพิศวัย 70 กว่าปี 

Mother Roaster เปิดให้บริการวันอังคาร - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น.