- ประเทศอังกฤษเป็นแห่งแรกที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชน และตอนนี้ก็ให้วัคซีนนำโด่งไปถึง 9.4 ล้านโดสแล้ว
- มีทั้งหมด 7 ประเทศในโลก จาก 3 ทวีป ที่ตอนนี้เปิดรับนักท่องเที่ยวแบบไม่ต้องกักตัว หากเคยได้รับวัคซีนโควิด
ตั้งแต่หลายประเทศเริ่มทำการฉีดวัคซีนโควิดให้ประชาชน ซึ่งมีประเทศอังกฤษลงมือทำเป็นแห่งแรกของโลกตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้ตอนนี้อังกฤษเป็นประเทศเดียวที่นำโด่งชาติอื่นๆ ด้านการแจกจ่ายวัคซีนให้คนในประเทศ โดยปัจจุบันให้วัคซีนไปแล้วมากถึง 9.4 ล้านโดส ส่วนรองลงมาคือ ประเทศเยอรมัน 2.3 ล้านโดส และ ประเทศตุรกี 1.9 ล้านโดส
เห็นแบบนี้แล้วก็เชื่อว่าทำให้คนรักการเดินทางทั้งหลายเริ่มเห็นแสงแห่งความหวังส่องลงมารำไรๆ เพราะถ้าวัคซีนช่วยหยุดการแพร่เชื้อได้จริงแบบนี้ (ยังไม่พูดถึงผลข้างเคียงที่ต้องรอดูกันยาวๆ) ก็อาจเท่ากับว่าพวกเราจะสามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้แบบสบายใจขึ้นมาเปราะหนึ่ง
ตอนนี้จึงมีบางประเทศที่เปิดรับนักท่องเที่ยวให้สามารถบินมาได้แบบไม่ต้องกักตัว โดยคนเหล่านั้นต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด 19 มาก่อนแล้วตามข้อกำหนดของประเทศนั้นๆ ส่วนจะมีประเทศไหนบ้างที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว สามารถอ่านได้จากด้านล่างนี้เลย
1. ประเทศไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิกซึ่งอยู่ในโซนยุโรปเหนือเช่นกัน โดยรัฐบาลของประเทศมีการประกาศว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาไม่จำเป็นต้องกักตัว หากมีหลักฐานว่าเคยเป็นโควิดมาก่อนและหายดีแล้ว หรือต้องได้รับวัคซีนจนครบโดสแล้วก่อนมาท่องเที่ยว ซึ่งหลักฐานเกี่ยวกับวัคซีนจำเป็นต้องมีรายละเอียดและที่มาที่ไปอย่างครบถ้วนด้วย โดยข้อกำหนดนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป
2. ประเทศโรมาเนีย
คล้ายกันกับไอซ์แลนด์ สำหรับโรมาเนียเป็นประเทศที่นักเดินทางเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้นเมื่อช่วงก่อนเกิดโรคระบาด เพราะมีธรรมชาติที่สวยงามและสงบ แต่เมื่อต้องมีมาตรการเพื่อความปลอดภัยบ้างจึงบังคับให้นักเดินทางจำเป็นต้องกักตัว 14 วันเพื่อดูอาการ ทว่าตอนนี้มีข้อกำหนดใหม่ออกมาเกี่ยวกับผู้ที่ได้รับวัคซีนจนครบโดส ถ้าหากแสดงหลักฐานได้ก็ไม่จำเป็นต้องกักตัว แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่ไม่กี่ข้อคือ จำเป็นต้องรอ 10 วันหลังได้รับวัคซีนโดสสุดท้ายก่อนจึงเข้าประเทศได้ และ ณ ตอนนี้ต้อนรับเฉพาะผู้ที่ได้รับวัคซีนภายในสหภาพยุโรปเท่านั้น
3. สาธารณรัฐไซปรัส
ประเทศเกาะในแถบเมดิเตอเรเนียนอย่าง ไซปรัส มีการประกาศแล้วว่าจะเปิดรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่กำหนดเท่านั้น ให้สามารถเดินทางมาได้โดยไม่ต้องกักตัวหรือเข้ารับการตรวจโรค ซึ่งแน่นอนว่าต้องยื่นหลักฐานก่อนว่าเคยฉีดวัคซีนโควิดมาแล้ว และข้อกำหนดนี้จะเริ่มใช้ในเดือนมีนาคม 2564
4. สาธารณรัฐเซเชลส์
เป็นประเทศชื่อไม่ค่อยคุ้นหูเท่าไหร่ โดยเป็นหมู่เกาะที่อยู่รวมกันเป็นประเทศหนึ่งในโซนแอฟริกา มีเมืองหลงชื่อ วิคตอเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่เล็กที่สุดในโลก ประเทศนี้ขึ้นชื่อเรื่องการเที่ยวชมเกาะ ชายหาด และธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ อีกทั้งเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศทั่วโลกอีกด้วย
มีข้อแม้เพียงไม่กี่อย่างคือ ต้องมีหลักฐานว่าเคยได้รับวัคซีนมาแล้ว ซึ่งวันที่เข้าประเทศต้องห่างจากวันที่ฉีดวัคซีนเข็มที่สองอย่างน้อย 14 วัน และต้องมีผลการตรวจโควิดที่ไม่เกิน 72 ชั่วโมงยื่นให้เจ้าหน้าที่ด้วย
5. ประเทศจอร์เจีย
หนึ่งในประเทศที่มีความน่าสนใจสุดๆ เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดตัดของทวีปเอเชียและยุโรป แต่ถึงอย่างนั้นก็มีกลิ่นอายความเป็นเมืองยุโรปอยู่มาก สถาปัตยกรรมก็สวยงาม และเป็นอีกจุดหมายของนักท่องเที่ยว(ก่อนมีโควิด)เช่นกัน โดยกระทรวงการต่างประเทศของจอร์เจียได้ประกาศเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เองว่า จะเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศ ให้สามารถเดินทางมาได้แบบไม่ต้องกักตัว ตราบใดที่มีหลักฐานและใบรับรองการฉีดวัคซีนแล้ว
6. สาธารณรัฐเลบานอน
ประเทศที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมของชาวอาหรับ และมีทั้งความเก่า-ใหม่ผสมผสานกันอยู่อย่างลงตัว โดยล่าสุดรัฐบาลของเลบานอนได้ประกาศว่า จะเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาได้ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป โดยผู้ที่เดินทางมาต้องยื่นหลักฐานการรับวัคซีนต่อเจ้าหน้าที่ จึงจะละเว้นการกักตัวได้ รวมถึงต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบ ซึ่งต้องทำการตรวจก่อน 96 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่องมาเลบานอนเท่านั้น รวมถึงจะมีการตรวจหาเชื้ออีกครั้งเมื่อมาถึงสนามบินด้วย
7. สาธารณรัฐโปแลนด์
สำหรับคนที่อยากเดินทางไปเที่ยวโปแลนด์แบบไม่ต้องกักตัว รัฐบาลประเทศโปแลนด์ประกาศว่า จำเป็นต้องมีหลักฐานการฉีดวัคซีนแสดงต่อเจ้าหน้าที่ และวันที่เข้ามาประเทศต้องห่างจากวันที่ฉีดวัคซีนเข็มล่าสุดอย่างต่ำ 10 วัน ทั้งนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกประเทศหรือไม่ หรืออาจต้อนรับเฉพาะผู้ที่มาจากกลุ่มประเทศในโซนยุโรปเท่านั้น
ส่วนประเทศไทยก็มีข่าวคราวจะเปิดรับนักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนเช่นกัน ให้สามารถเข้ามาเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งเป้าหมายก็เพื่อฟื้นตัวการท่องเที่ยวที่กำลังย่ำแย่ ณ ตอนนี้ ส่วนข้อสรุปจากฝ่ายรัฐฯ จะเป็นอย่างไรคงต้องรอดูกันไปก่อน