ถ้าเปิดดูซีรีส์เกาหลีตอนนี้ สิ่งที่เห็นบ่อยๆ พอๆ กับอาหารเกาหลี (และขวดโซจู) ก็คือเจ้ามือถือ Samsung Galaxy Flip3 มีถือฝาพับสารพัดสีที่ดูจะกลายเป็นของติดมือนักแสดงหลักในยุคนี้ไปแล้ว
เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ใช้ Samsung Galaxy Flip3 มาระยะหนึ่ง ซึ่งถ้านับตั้งแต่ได้รับเครื่องครั้งแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ตอนนี้ก็สามเดือนพอดิบพอดี เป็นเวลาดีที่จะมารีวิวจากการใช้งานจริงกันอีกครั้งหนึ่ง สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเพราะโดนป้ายยาจากซีรีส์
Body
เราโตมากับมือถือฝาพับช่วงยุค 2000 เจ้า Flip3 นี่ก็คือให้ฟีลย้อนวัยกลับไปสู่ความคูลของยุคเปลี่ยนผ่านจากแอนะล็อกสู่ดิจิทัลนั่นแหละ ตัวเครื่องพับแล้วเล็กมาก ถือได้ในอุ้งมือเดียว
ส่วนเรื่องความคงทนนั้น ตัวเครื่องเป็นกระจก Gorilla Glass Victus และขอบเป็นโลหะ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าจะปรากฏร่องรอยของการใช้งาน (อย่างหนักหน่วง) พอสมควรตามขอบ แต่ยอมรับว่าเป็นครั้งที่รู้สึกว่าวัสดุที่ซัมซุงเลือกมานั้นแข็งแรงมากขึ้นกว่ารุ่นก่อนๆ มาก เพราะคนซุ่มซ่ามอย่างเราทำตกหลายครั้งก็ยังอยู่ดี ไม่มีส่วนไหนแตก (อาจจะด้วยตัวเครื่องน้ำหนักเบาด้วยหนึ่ง)
คำถามว่าไม่ได้ใส่เคสป้องกันหรอ? ส่วนตัวเราคิดว่าเคสทำให้ตัวเครื่องหนาแปลกๆ และบดบังความสวยงามของดีไซน์ที่ต้องยอมรับว่าทางซัมซุงปรับดีไซน์จาก Flip รุ่นก่อนหน้าได้ดีมากๆ
แต่สิ่งหนึ่งที่คนที่ไม่ได้ใช้เป็นประจำอาจจะไม่ทราบ คือ Flip3 เป็นมือถือที่ใช้มือเดียวได้ยาก หมายถึงการจะหยิบขึ้นมา สอดนิ้วโป้งเข้าไปเปิดฝาเครื่องนั้น เสี่ยงทำให้มือถือปลิวตกไปทั้งเครื่องมากๆ เพราะบานพับเป็นระบบเปิดค้าง ไม่ใช่ระบบดีด-เด้งแบบมือถือฝาพับสมัยก่อน สาวๆ ที่ทำเล็บก็คือลืมไปได้เลย เล็บฉีกแน่นอน แนะนำว่าให้ใช้สองมือจะดีกว่า — ส่วนตอนพับนั้น จะปิดแรงได้ไม่ว่ากัน เพราะเขามีขอบเล็กๆ ตรงมุมเอาไว้กันหน้าจอกระทบกันอยู่แล้ว
อ่อ แน่นอนว่าตัวเครื่องกันน้ำระดับ IPX8 อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือโดนฝนได้ น้ำหกใส่ได้
Screen
มาถึงหน้าจอ หน้าจอพับได้ที่หลายคนกังวลว่าจะแตกตรงกลางไหมนั่น จนถึงตอนนี้ Flip3 ของเราก็ยังอยู่ดีไม่มีรอยขีดข่วน และแม้ตอนแรกจะไม่ชินรอยพับตรงกลางจอสักเท่าไหร่ แต่นานๆ ไปก็ชิน ไถ feed ได้เพลินๆ เหมือนเดิม
ด้วยความที่หน้าจอ (เปิดสุด) ของ Flip3 นั้นจะแคบๆ ยาวๆ คนที่มือใหญ่อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักหนึ่ง ขนาดเราที่มือเล็กยังใช้เวลาแรมเดือนถึงจะชิน เพราะนิ้วมือจะพาลชนกันตลอด
ส่วนหน้าจอเล็กด้านนอกนั้น ตอนแรกคิดว่าอาจจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่พอใช้งานจริงก็พอไหวอยู่ เอาไว้เช็คข้อความ ไลน์ หรือกดฟังเพลงได้โดยไม่ต้องเปิดตัวเครื่องขึ้นมา และแอนิเมชันตรงหน้าจอนั้นน่ารักมาก! (เราตั้งรูปสัตว์กระโดดไปมาไว้กดดูตอนเครียดๆ)
Camera
ถ้าคุณใช้โทรศัพท์กล้องหลังสองกล้อง Flip3 ก็จะให้อารมณ์แบบเดียวกัน ภาพก็จะชัด ฟ้าจะฟ้าสดตามสไตล์ภาพของซัมซุงเขานั่นแหละ ไม่มีอะไรต้องหนักใจ แต่ถ้าคุณใช้โทรศัพท์มากกล้องอย่างตระกูล Galaxy Ultra ต่างๆ คุณต้องยอมรับว่า Flip3 จะไม่สามารถซูม optical ใกล้-ไกล ต่างๆ หรือการปรับภาพแบบโปรเฟสชันนอลไป — อย่างมาโครหรือซูมนี่เทียบกับ Galaxy S21 Ultra ไม่ได้เลย หรือวิดีโอนั้นก็ไม่ได้โดดเด่น
Battery
คือด้วยความที่เครื่องบาง (เปิดสุดจะเห็นว่าบางมาก) แน่นอนว่าจะหวังว่าแบตเตอรีจะให้มาเต็มสูบก็คงเป็นไปไม่ได้ หลายครั้งที่เรารู้สึกว่าแบตเตอรีหมดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อใช้งานกล้องและหน้าจอกลางแดด ที่นอกจากแบตเตอรีจะเดรนไว และเครื่องร้อนเร็วมาก
เรื่องเครื่องร้อนนี่ ร้อนในระดับที่เราและหลายคนตกใจ และร้อนเร็วมาก ซึ่งเราเชื่อว่าซัมซุงจะพัฒนาต่อในรุ่นต่อไป
จากข้อที่ว่าแบตไปเร็วและเครื่องร้อนเร็ว ส่วนตัวเราคิดว่า Galaxy Flip3 อาจจะไม่เหมาะกับกลุ่มคนเล่นเกมหรือใช้งานหนัก ซึ่งจะขอแนะนำเป็นรุ่น Galaxy Fold3 จะดีกว่า
สรุป
คำถามจากหลายคนคือ Flip3 ดีไหม? ควรลงทุนไหมกับราคาสามหมื่นกว่าบาท เราตอบได้ตรงนี้เลยว่า แล้วแต่พฤติกรรมการใช้งานของคุณ
อาจจะยังไม่ใช่: ถ้าคุณเป็นสายใช้งานหนักหน่วง ใช้มือถือทำงานตลอดวัน ต้องตรวจหรือแก้งานผ่านมือถือบ่อยครั้ง เล่นเกมติดต่อกันนาน หรือจริงจังเรื่องการถ่ายรูปและวิดีโอ เราว่าอาจจะข้ามไปรุ่นอื่นจะดีกว่า
เหมาะ: ถ้าคุณชอบมือถือฝาพับ อยากได้มือถือที่เล็ก พกพาสะดวก และสวยมากแบบทุกคนหันมอง รวมถึงไม่ได้ใช้มือถือติดต่อกันตลอดทั้งวัน (เพราะมันต้องเปิดเข้าเปิดออก ก็จะไม่ค่อยสะดวก) เน้นการโทร ตอบไลน์ เช็กอีเมล ไถฟีดบ้าง ถ่ายรูปบ้าง วิดีโอนิดหน่อย
ถ้าคิดว่าเหมาะก็ต่อที่เรื่องราคา ถ้าเป็นราคาเต็ม (เริ่มต้น 34,900 บาท) เราก็ยอมรับว่าสูงสักหน่อย แต่ถ้าได้โปรจากค่ายมือถือ ซึ่งจะเริ่มที่ราวสองหมื่นกลางๆ เราว่าน่าลงทุน