Wild & Company

ร้านอาหารและบาร์ที่เสิร์ฟอาหารที่เน้นเมนูเนื้อ แต่ก็ไม่ใช่เนื้อธรรมดา เพราะที่นี่ใช้ Game Meat หรือเนื้อที่อยู่ในเกมส์ล่าสัตว์เป็นหลัก อาคารเรือนกระจกแห่งนี้เป็นส่วนของร้านอาหาร ที่ถูกล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่และพื้นที่โล่งที่เหมือนตั้งแคมป์กลางป่า ส่วนผู้อยู่เบื้องหลังครัวก็เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเชฟโม แห่ง Munchies for Munchies ซึ่งเชฟก็เน้นไปที่การใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่น โดยเฉพาะพวกเนื้อและพืชสมุนไพร ดังนั้นบอกเลยว่าจะได้เจอทั้งผักแพ้ว ใบบัวบก และยอดมะกอก ทั้งในสลัดและเมนูต่างๆ

มาเริ่มต้นด้วย Quail Salad (390 บาท) สลัดผักออร์แกนิกทานกับนกกระทาฝรั่งเศส ไข่ดาวน้ำ ต่อด้วยจานโปรดของเราอย่าง Rabbit Roll (690 บาท) ก็ไม่ควรพลาดเพราะเนื้อกระต่ายทั้งนุ่มด้วยวิธีการปรุงแบบซูวีต์ ก่อนห่อด้วยเบคอนและเสิร์ฟพร้อมผักและซอสรสชาติเยี่ยม Bone Marrow (450 บาท) ไขกระดูกทาบนขนมปังบาแก็ต โรยด้วยใบมะกอกรสชาติเปรี้ยวๆ สำหรับคนชอบทานเนื้อต้อง Smoked Beef Ribs (2,490 บาท) ที่มีการรมควันเนื้อถึง 8 ชั่วโมงทานคู่กับผักดองแบบโฮมเมด โคลสลอว์และขนมปังตอร์ติญ่า หรือจะเป็น Australian Angus Tomahawk (3,290 บาท/ 1.2 กิโลกรัม) เนื้อโทมาฮอว์กที่เสิร์ฟมาพร้อมกับมันฝรั่งและผักย่าง แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว ขอเตือนไว้ก่อนว่าควรมา 4 คนกำลังดี เพราะจานอาหารที่นี่ใหญ่มาก เหมาะกับการแชร์กันทานสุดๆ

มาถึงอีกโซนที่เป็นแบบบ้านเก่า ที่นี่เหมาะกับการนั่งชิล ดื่มเครื่องดื่มพร้อมกับฟังเพลงในบรรยากาศสบายๆ ค็อกเทลที่นี่เน้นเหล้าเป็นหลักอย่าง Negroni (320 บาท) จิน คัมปารีกับเวอร์มุท รวมไปถึง Rusty Nails (320 บาท) ที่ใช้วิสกี้และ Vieux Carre (320 บาท) อย่างที่รู้ว่า Wild & Company สนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่น ดังนั้น CHALAWAN Pale Ale และ Chatri IPA คราฟเบียร์ของไทย จึงเป็นตัวเลือกหลักของที่นี่ รวมไปถึงเบียร์คราฟยี่ห้ออื่นๆ ฝีมือคนไทยด้วย ลองถามบาร์แมนได้เลยว่าวันนี้มีอะไรน่าลอง

ส่วนกระดิ่งสีทองกลางร้านที่หลายคนอาจสงสัยว่ามันคืออะไร Time Out ขอบอกเลยว่าอย่าไปจับเด็ดขาด ถ้าไม่อยาก go wild เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน