เมื่อหุ้นส่วนของร้าน The Third Pig ได้เข้าสำรวจอาคารเปล่าที่เคยเป็นทั้งธนาคารและร้านอาหารกึ่งผับมาก่อน และถูกใจกับโครงสร้างของตึกที่มีโครงสร้างแข็งแรงตามแบบฉบับธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นห้องนิรภัย พื้นหินอ่อน หรือผนังอิฐ พวกเขาจึงเกิดจินตนาการ มองเห็นเป็นภาพบ้านของลูกหมูตัวสุดท้องจากนิทานอีสปเรื่อง ลูกหมูสามตัว ที่ตัดสินใจสร้างบ้านอิฐอันแข็งแรงจนทำให้หมูทั้งสามรอดพ้นจากการก่อกวนของเจ้าหมาป่าอันธพาลจอมหิวโหย จนได้ออกมาเป็นคอนเซ็ปต์ของร้านอาหารแห่งนี้
ทั้งรอยปูนกะเทาะจนเห็นผนังอิฐมอญซ่อนอยู่ด้านใน รูบนผนังขนาดใหญ่ที่มาจากการทุบออกจนเห็นโครงเหล็กนั้น คือร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเจ้าหมาป่าแต่ครั้งก่อน ทำให้เราจินตนาการต่อว่าทั้งเพดานไม้ที่ตอกแบบหยาบๆ และเตาผิงอิฐอาจเป็นการซ่อมแซมหรือต่อเติมที่เกิดจากฝีมือลูกหมูสักตัว รวมถึงรายละเอียดการตกแต่งสถานที่ที่มีดอกไม้แห้ง โคมไฟ หนังสือเล่มหนาหลายสิบเล่มบ่งบอกถึงความชอบสไตล์คันทรีที่มีกลิ่นอายวินเทจของลูกหมูตัวใดตัวหนึ่งก็เป็นได้
สำหรับเมนูอาหารของครัวลูกหมูที่นำมาเสิร์ฟแขกผู้มาเยือนล้วนแล้วแต่เป็นอาหารกินง่ายที่มีลูกเล่นสนุกๆ ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสลัดซีซาร์แกงเขียวหวานกับไก่ รสเผ็ดจากแกงเขียวหวานเพิ่มความร้อนแรงตัดกับรสสดชื่นของผัก หมูพะโล้แดดเดียวทอดและข้าวเหนียวพร้อมมินิสลัดหมูสามชั้นหมักเครื่องพะโล้แล้วนำไปทอด กินคู่กับข้าวเหนียวนึ่งห่อมาในใบตอง จะจิ้มหรือไม่จิ้มซอส 2 ชนิดที่ให้มาก็ได้ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ในซอสแกงส้มและไวน์ขาว อร่อย แซบ และไม่เลี่ยนเหมือนกับที่เคยชิม ปิดท้ายด้วยแซนด์วิชหมูพะโล้ ขนมปังบาแก็ตต์สอดไส้หมูสามชั้น เสิร์ฟกับเฟรนช์ฟรายส์ สำหรับเมนูนี้เราให้เต็มสิบเพราะมีความละม้าย Pulled Pork ในแบบไทยแท้ๆ
ด้วยความที่ทีมมิกโซโลจิสต์ของร้านลับฝีมือจนเชี่ยวชาญจากร้าน Mixology ที่เชียงใหม่ จึงสามารถการันตีความคมกริบได้ในทุกแก้ว ไม่ว่าจะเป็น Blowing Twigs ที่มีส่วนผสมของเบอร์เบินและเหล้าเวอร์มุธ แก้วนี้สำหรับคนคอแข็งเท่านั้น ส่วนคนชอบรสเปรี้ยวต้องลอง Brick House Cobbler เพราะแกห้วนี้มีทั้งวอดก้า ช็อกโกแลตลิเคียว น้ำแบล็กเคอร์แรนท์ และแครนเบอร์รี่ (แล้วอย่าลืมคว้าคิทแคทมาเคี้ยวเพิ่มความกรอบกรุบ) ทิ้งท้ายด้วย Huff & Puff จงดื่มด่ำกับรสชาติของคอนยัค เวอร์มุธ และชาดำ เพิ่มความฟรุ้งฟริ้งด้วยเจลลี่รสไวน์ Cabernet Sauvignon เพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล