[title]
จากเดิมห้องอาหารยามาซาโตะ ในโรงแรมดิ โอกุระ เป็นห้องอาหารญี่ปุ่นสไตล์ไคเซกิ เรียวริ ที่เสิร์ฟเฉพาะเซ็ตอาหารกลางวันและเย็น พร้อมมีโซนซูชิบาร์ด้านหลังให้มานั่งลิ้มลองความสดใหม่จากประเทศญี่ปุ่นได้ด้วย แต่หากตอนนี้ใครลองกลับไปเยือน จะพบว่าโรงแรมได้ปรับโฉมห้องอาหารแห่งนี้ใหม่ให้เต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นมากขึ้น ด้วยการรวม 3 คอนเซ็ปต์อาหารมาไว้ในที่เดียว ทั้งอาหารแบบไคเซกิ เทปันยากิ และห้องโอมากาเสะที่มีความพรีเมี่ยมมากขึ้น
เมื่อเดินเข้ามาในยามาซาโตะ ทุกคนจะพบกับ Sushi Yamazato (ซูชิ ยามาซาโตะ) อยู่ทางด้านขวามือทันที ด้านในเป็นเคาน์เตอร์บาร์ไม้สีอ่อน ขนาด 8 ที่นั่งต่อรอบ พร้อมกับมีวิวใจกลางเมืองตอนกลางคืนเป็นพื้นหลังให้ชมตลอดมื้อด้วย
หัวหน้าเชฟผู้ดูแลห้องอาหารยามาซาโตะทั้งหมดคือ ‘เชฟชิเงรุ ฮาริกาวะ (Master Chef Shigeru Hagiwara)’ ซึ่งเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารสไตล์ไคเซกิอยู่แล้ว เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นดี เพราะเชฟดูแลยามาซาโตะจนมีชื่อเป็นร้านแนะนำบนคู่มือมิชลิน ไกด์ มาตั้งแต่ปี 2018 จนปัจจุบัน และสำหรับมื้อโอมากาเสะที่ทุกคนจะได้ชิม เชฟก็เป็นผู้ดูแลเช่นกัน โดยจะมี ‘เชฟฮารูเอกิ มัตซึโอกะ (Haruaki Matsuoka)’ เป็นผู้คอยเสิร์ฟและปั้นซูชิให้เรารับประทาน
โอมากาเสะที่นี่จะมีให้เลือก 2 คอร์ส คือ Kaiseki Omakase (4,900++ บาท) และ Premium Kaiseki Omakase (6,500++ บาท) ซึ่งทั้งสองแบบจะมีอาหารหลายอย่างตามสไตล์ไคเซกิ อย่างในคอร์สพรีเมียมที่เราได้ชิม จะเริ่มด้วยจานสตาร์ทเตอร์ 3 อย่าง ซาชิมิ 5 ชนิด อาหารย่าง (ยากิโมโนะ) ของว่าง ซูชิ 7 คำ ซุป และชุดของหวาน ในแต่ละเมนูจะเน้นใช้วัตถุดิบส่งตรงมาจากญี่ปุ่นตามฤดูกาล มาจากหลายจังหวัดตามที่เชฟคัดเลือกมาแล้วว่าดี หรือบ้างอาจใช้ของในประเทศไทยที่มีคุณภาพดีไม่แพ้กัน
อย่างรอบที่เราไปจะได้ชิมเมนูจานเริ่มคือ “Sesame Tofu Crab” เต้าหู้งาท็อปด้วยเนื้อปูและซอสซีอิ๊วงา ก่อนตามด้วย “Asari Clam” หอยลายญี่ปุ่นตัวโตที่เนื้อสัมผัสดีจนอยากกินอีก กัดแล้วมีทั้งความกรุบและนุ่มเต็มคำ เราชอบที่มีความสดชื่นจากซอสยูสุผสมมิโสะเข้ามาเสริมด้วย และสุดท้าย “Octopus Abalone” หนวดปลาหมึกและเป่าฮื้อราดซอสงา เป็นอีกจานที่รสชาติดีตัดกับจานก่อนหน้า
หลังจากนั้นเป็น ซาชิมิ 5 อย่าง ที่จะขึ้นอยู่กับฤดูกาลว่าทุกคนจะได้ชิมปลาอะไร เชฟจะเสิร์ฟคู่กับเครื่องเคียง เช่น หัวไชเท้า ต้นหอม วาซาบิสด น้ำจิ้มพอนสึ และโชยุ แต่ว่าทุกอย่างจะไม่ได้มาพร้อมกันทีเดียว เชฟได้จับคู่ตามรสชาติที่เข้ากันมาให้แล้ว ก่อนตามด้วย ยากิโมโนะ หรือจานของย่าง เราได้ชิมปลาคินเมไดซอสสาหร่าย
เมื่อจะเข้าสู่คอร์สซูชิ เชฟจะเสิร์ฟของว่างล้างปากเป็น “Tomato Jelly” แม้จะเป็นคอร์สคั่นเวลาแต่เราก็ชอบความเปรี้ยวกลมกล่อมที่ปลุกให้สดชื่น ทำให้พร้อมกินคอร์สที่เหลือต่อ โดยซูชิ 7 คำที่เชฟจะเสิร์ฟก็ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบตามฤดูกาลเช่นกัน อย่างในรอบที่เราไปก็มีวัตถุดิบ เช่น โอโทโร่ กุ้งหวาน อูนิ ปลาไหล ทูน่า
มาถึงคอร์สซุปที่เป็นสัญญาณบอกว่ามื้อนี้กำลังจบลง เชฟเสิร์ฟเป็น “Clam” ซุปหอยกับเห็ดชิตาเกะ ให้เรายกซดจากถ้วยได้เลยอุ่นๆ และมีเนื้อให้กินต่อนิดหน่อย หลังจากนั้นจึงเป็นคอร์สปิด “Dessert” เสิร์ฟชุดของหวาน 3 อย่าง มีชีสเค้กญี่ปุ่น พุดดิ้งเกนไมฉะ และยูสุซอร์เบต์กับเจลลี่สตรอว์เบอร์รี่
โอมากาเสะของ Sushi Yamazato จะไม่ยึดว่าเป็นอาหารจากคูวซีนไหนในประเทศญี่ปุ่น เพราะเชฟตั้งใจนำเสนอรสชาติของวัตถุดิบและใช้ของตามฤดูกาล เราว่าเสน่ห์ของที่นี่คือความหลากหลาย ทุกคนจะได้ชิมทั้งซูชิอย่างที่ตั้งใจ ไปพร้อมๆ กับอาหารญี่ปุ่นหลายอย่างที่ผสมผสานมาอย่างดี
Sushi Yamazato อยู่บนชั้น 24 ของโรงแรมดิ โอกุระ เปิดให้บริการวันละ 2 รอบ มื้อกลางวัน เวลา 12:30 น. และมื้อเย็น 18:30 น. เปิดทุกวันพุธ - อาทิตย์ สอบถามหรือจองที่นั่ง 02 6879000 หรือ www.okurabangkok.com/dining/yamazato