[title]
สามชั้นบนสุดของโรงแรม Park Hyatt เรียกรวมกันว่า Penthouse Bar + Grill เป็นโซนอาหารและเครื่องดื่มขนาดมหึมา อัดแน่นด้วยร้านอร่อยมากถึง 6 ร้านไม่ว่าจะเป็น The Grill Room, Chef’s Table, The Cocktail Bar, The Mezzanine, The Whiskey Room และ Rooftop Terrace
Penthouse Bar + Grill ได้รับการออกแบบโดยบริษัท AvroKO จากนิวยอร์ก (ผู้อยู่เบื้องหลังการดีไซน์ House on Sathorn) โดยสร้างสรรค์เป็นอพาร์ตเมนต์ของนักเดินทางสุดหรู ผู้เก็บสะสมของวินเทจและงานศิลปะสวยๆ จากรอบโลก เน้นการตกแต่งด้วยไม้และหินอ่อน ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมแบบอาร์ตเดโค ประดับประดาด้วยของเล่นสุภาพบุรุษ เช่น จักรยาน Royal Enfield และงานศิลปะสีสันสดใสต่างๆ
ในส่วนของร้านอาหารนั้น มาเริ่มต้นกันที่ Grill Room บนชั้น 34 เน้นเสิร์ฟอาหารเตาถ่านทั้งเมนูเนื้อและอาหารทะเลที่นำเข้ามาจากทั่วทุกมุมโลก เริ่มจากเมนูเบาๆ เช่น หอยนางรม Fine de Claire จากประเทศฝรั่งเศส (560 บาท/ 6 ชิ้น) หรือเมนู Red Salad (340 บาท) ซึ่งเป็นสลัดบีทรูท พริกหวานย่าง กะหล่ำ มะเขือเทศ แรดิฃ ทับทิม และโกจิเบอร์รี่ ในส่วนของสเต็กนั้น ทางร้านมีทั้งเนื้อสันในชั้นดีจากอเมริกา (950 บาท/ 180 กรัม) หรือเนื้อส่วนริบอาย Ranger's Valley จากออสเตรเลีย (1,450 บาท / 300 กรัม) แต่หากมากันสี่คน เราขอแนะนำเนื้อวากิวโทมาฮอว์กจากออสเตรเลีย (4,550 บาท/ 1.5 กก.) ส่วนคนชอบของเผ็ดๆ ต้องลองเป็นเนื้อเสียบไม้หมักสไตล์เปรู (560 บาท/ 160 กรัม) โดยหมักกับพริก Aji Panca จากอเมริกาใต้ ร้านนี้ยังมี Chef’s Table แบบส่วนตัวอย่างน้อย 8 ที่นั่งสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพียงแค่คุณติดต่อขอจองมาล่วงหน้า
อิ่มอร่อยกับมื้อค่ำแล้ว ตรงไปที่ชั้น 35 เพื่อดื่มด่ำกับวิวสวยๆ ของเพลินจิต บริเวณนี้มีร้าน 3 แบบ 3 สไตล์ เริ่มจาก The Cocktail Bar ที่ไซม่อน แบรนด์เมเยอร์ เฮดบาร์เทนเดอร์จะนำมาเมนูดริ้งก์คลาสสิกมาทำใหม่ ไม่ว่าจะเป็น 250 CC (360 บาท) เมนูค็อกเทลผสมจิน Martin Miller's กับเหล้าเวอร์มุธ La Quintinye Rouge, แอบซินธ์ La Fee Bohemian, Chartreuse Green, ไซรัปลิ้นจี่ Giffard และบิทเทอร์ช็อคโกแลต สำหรับคนที่ชอบรสหวานๆ เปรี้ยวๆ Granny Fizz (360 บาท) เป็นผลงานชนะเลิศของไซม่อนจากเวที Cointreau Cocktail Competition โดยใช้คอนยัค Hine VSOP ผสมผสานกับ Cointreau กลิ่นลาเวนเดอร์, น้ำมะนาว, แยมเชอร์รี่, วิปครีม และไข่ขาว ตบท้ายด้วยโทนิคเพื่อเพิ่มความซ่า ส่วนใครชอบความเป็นส่วนตัวสักหน่อย ลองแวะไป The Mezzanine ซึ่งมีเมนูเหมือนบาร์หลัก แต่คุณต้องจองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น ส่วน Whiskey Room จะมีการแสดงแจ๊ส ตั้งแต่วันพุธ-วันเสาร์ โดยที่นี่มีวิสกี้กว่า 120 แบรนด์จากทั่วโลกให้บริการ
ถึงแม้จะดูหรูหรา แต่ Penthouse Bar + Grill ก็ให้บรรยากาศที่เหมาะสำหรับการกินอาหารมื้อเย็นเพื่อคุยงาน หรือพบปะหลังเลิกงาน นอกจากนี้ราคาของอาหารก็ไม่แพงเว่อร์ ถึงแม้จะอยู่ในโรงแรมก็ตาม ส่วนชั้น 36 นั้นเป็นที่ตั้งของร้าน Rooftop Terrace ซึ่งจะเปิดบริการช่วงปลายปี ซึ่งเราจะนำข่าวมาอัพเดตให้คุณอย่างแน่นอน