[title]
หนึ่งในไฮไลต์ของช่างชุ่ยคือเครื่องบิน L-1011 Tristar ที่จอดอยู่กลางลานซึ่งทางโครงการมีโปรเจ็กต์จะทำเป็นร้านอาหารสุดหรู หลังจากโปรเจ็กต์ดีเลย์ ถูกเลื่อนกำหนดเปิดมาหลายครั้ง (และใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงคอลเลกชั่นสัตว์สตัฟฟ์) ในที่สุดร้าน Na-Oh ก็ได้ฤกษ์เทคออฟเปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที
ร้านอาหารแห่งนี้ได้แรงบันดาลใจจากเรือของโนอาห์ บอกเล่าผ่านเรื่องราวของเครื่องบินที่พาผู้รอดชีวิตจากโลกที่ล่มสลายไปยังโลกใหม่โดยผู้รอดชีวิต (หรือคนกินอาหารนี่แหละ) จะได้กินอาหารแห่งโลกอนาคตขนาดเดินทางนั้นเอง ซึ่งเมนูของที่ร้านจะเปลี่ยนไปตามธีมต่างๆ ทุกๆ 2-3 เดือน โดยตอนนี้ทางร้านใช้ธีม "คนไร้ถิ่น" อาหารที่เสิร์ฟจึงใช้วัตถุดิบที่ไม่เจาะจงประเทศ เน้นการผสมผสานทางวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งเชฟโอนะ-โมน ธีระธาดา เชฟวัย 19 ปีจากออสเตรเลีย เป็นผู้ดูแลอาหารบนเครื่องบินลำนี้
สิ่งที่น่าสนใจของ Na-Oh คือประสบการณ์กินอาหารสุดพิเศษ เริ่มตั้งแต่ลิฟต์ที่พาคุณไปยังห้องอาหาร (ในเครื่องบินไม่มีห้องน้ำ อย่าลืมทำธุระให้เรียบร้อยก่อนขึ้นเครื่อง) สัตว์สตัฟฟ์ที่จัดแสดงยังช่วยสร้างบรรยากาศเหนือธรรมชาติ และเชฟโอนะจะออกมาต้อนรับพร้อมหน้ากากสีแดงเพื่อเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจก่อนที่อาหารจะเสิร์ฟ
ในส่วนของอาหารนั้น Na-Oh เสิร์ฟอาหาร 5 คอร์ส (1,500 บาท) เริ่มต้นกันด้วยต้มจับฉ่ายเย็นชื่อ "อาม่า" เป็นตัวแทนของอาหารที่อาม่าได้มอบให้ก่อนคุณออกเดินทาง ตามมาด้วยปลากะพงเคลือบหนังด้วยสาหร่าย เสิร์ฟน้ำเกรวี่ อีกจานคือหมูสามชั้นเสิร์ฟกับผัดคะน้า ก่อนปิดท้ายด้วยของหวาน "Not Just a Potato" เสิร์ฟเป็นมันม่วงพร้อมไอศกรีมรัมเรซิ่น และเมล็ดกาแฟ ส่วนใครที่อยากกินอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ก็สามารถสั่งเมนู 8 คอร์สได้เช่นกัน (2,500 บาท)