1. Ma ichi
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
  2. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  3. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  4. Ma ichi
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
  5. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  6. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  7. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  8. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  9. Ma ichi
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok
  10. Ma Ichi
    Tanisorn Vongsoontorn/Time Out Bangkok
  11. Ma ichi
    Tanisorn Vongsoontorn / Time Out Bangkok

รีวิว

Ma Ichi

4 จาก 5 ดาว
  • Restaurants | อาหารญี่ปุ่น
  • อารีย์
  • แนะนำ
Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

Time Out พูดว่า

หลังจากฝึกวิชาเป็นซูชิเชฟอยู่ที่ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังในรัฐชิคาโกอยู่นานถึง 10 ปี ‘เชฟแก้ว - กฤษฎา ชิตรัตน์’ ก็ตัดสินใจบินกลับเมืองไทย และได้เปิดร้านซูชิเป็นของตัวเองแห่งแรกชื่อ The Gallery Sushi Bar อยู่ในย่านลาดพร้าว-วังหิน เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่อง “ซูชิ” ตามที่ฝีมือเชฟถนัด จนกระทั่งตอนนี้ เชฟแก้วก็มีประสบการณ์การทำซูชิมานานกว่า 20 ปีแล้ว จะให้เรียกว่าเป็นหนึ่งในเชฟซูชิที่ฝีมือดีมากคนหนึ่งก็คงได้

เชฟแก้วบอกว่าที่ตัดสินใจเปิดร้าน Ma Ichi (มาอิชิ) เป็นร้านอาหารแห่งที่ 2 ก็เพราะหลังจากประสบความสำเร็จจากร้านแรก ด้วยการเป็นร้านซูชิที่เสิร์ฟแต่ของคุณภาพดีจริง ในราคาสมเหตุสมผล และมีลูกค้าประจำแวะเวียนมากินซ้ำตลอด ซึ่งแม้จะทำให้ร้านและเชฟเองอยู่ได้ แต่เชฟก็อยากให้คนข้างหลังหรือคนที่ทำงานกับเชฟมานาน 7-8 ปี ได้มีโอกาสเติบโตขึ้นเหมือนกัน เชฟแก้วเลยมาเปิดร้านซูชิแห่งนี้ร่วมกับรุ่นพี่รุ่นน้อง และเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นสไตล์ฟิวชั่นเช่นเดิม

“ส่วนที่เสิร์ฟคำใหญ่ๆ ก็เพราะผมแค่รู้สึกว่าอยากให้คนที่มากินได้สัมผัสอาหารของผมจริงๆ และพอได้เห็นขนาด เห็นความสดของวัตถุดิบ เห็นทุกอย่างที่เราต้องการจะสื่อ ก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาต้องจ่ายในราคานี้ ผมอยากให้คนที่มากินได้กินของดี ในราคาสมเหตุสมผล ทำให้เขารู้สึกว่าอาหารที่เขากินมันช่วยเติมเต็ม ไม่ใช่มากินแล้วก็ไป”

ร้าน Ma Ichi จะเสิร์ฟซูชิคำโตหน้าล้นๆ ในปริมาณที่กินคนเดียวและคำเดียวไม่หมด ซึ่งก็เป็นความตั้งใจของเชฟที่อยากทำให้ทุกคนประหลาดใจและได้รู้จักตัวตนของเชฟด้วย โดยร้าน Ma Ichi จะแตกต่างจากร้านแรกของเชฟแก้วตรงเมนูซิกเนเจอร์ 5 อย่างที่อีกสาขาไม่มี ส่วนเรื่องคุณภาพวัตถุดิบและความพิถีพิถันสไตล์อาหารญี่ปุ่นจะเทียบเท่ากันเลย

เมนูซิกเนเจอร์ทั้งหมด มาเริ่มกันที่ “Melt (1,290 บาท/4 คำ)” ซูชิเมนูพรีเมียมที่สุดของร้าน เพราะรวมวัตถุดิบอย่างวากิว A5 และฟัวกราส์จากฝรั่งเศสเข้าไว้ดัวยกัน ส่วนด้านล่างจะเป็นมากิทอดกรอบไส้สไปซ์ซี่ทูน่า หากใครลองเทียบอาหารจานนี้ที่มาเสิร์ฟจริงกับในเมนู ก็จะเริ่มเข้าใจความน่าตื่นเต้นของร้านนี้ขึ้นมาเอง

ต่อไปเป็น “Peter Parker (490 บาท)” ซูชิสไตล์มากิโรลที่เคลือบด้วยไข่ปลาบิน (Red Tabiko) ด้านในแอบซ่อนเนื้อปูเทมปุระเอาไว้ แล้วท็อปทุกชิ้นด้วยเนื้อปูอลาสก้าคิงแครบอีกที ส่วนซอสเป็นฮันนี่มาโย ตามด้วยเมนูที่เรายกให้เป็นหนึ่งในไฮไลท์ “Wa Zaa (420 บาท)” โรลปลาฮามาจิและอะโวคาโด ท็อปด้วยหอยเชลล์ญี่ปุ่น (Hokkaido Hotate) ห่อใบโอบะทอดกรอบไว้บนทุกๆ คำ ก่อนราดด้วยซอสมีส่วนผสมของวาซาบิ ส่วนตัวคิดว่ารสวาซาบิไม่เบาหรือแรงจนกลบความอร่อยของวัตถุดิบอื่น แต่ถ้าคนไหนอยากกินโฮตาเตะสดๆ แบบเต็มคำ ให้สั่ง Seacret Garden (490 บาท)” ที่จะเสิร์ฟหอยเชลล์ญี่ปุ่นในรูปแบบเซวิชเช่ มาพร้อมมากิผักทอดกรอบที่วางไว้ข้างๆ

และเมนูสุดท้ายที่ขอยกให้เป็นเมนูโปรดแบบส่วนตัว Salmon Zen (390 บาท)” ถึงแม้หน้าตาจะดูเรียบง่ายแต่เชื่อว่าจะกลายเป็นมากิที่ทุกคนต้องติดใจ เพราะเชฟจับคู่วัตถุดิบให้เสริมกันได้ดี ในหนึ่งคำจะมีทั้งแซลมอน กุ้งเทมปุระ ครีมชีส ซอสสไปซ์ซี่เมนไทโกะ และไม่น่าเชื่อว่าเลม่อนชิ้นเล็กๆ ที่วางอยู่ด้านบน จะเป็นตัวช่วยทำให้รสชาติทั้งหมดมีมิติขึ้นมาได้

นอกจากเมนูซิกเนเจอร์ที่พูดถึง Ma Ichi ก็ยังมีเมนูจำพวกดงบุริ มากิ กุงกังซูชิ (Gunkan sushi) ซูชิปั้นเป็นคำๆ (เริ่มต้นคำละ 50-390 บาท) และเซ็ตซาชิมิที่แล่ปลาชิ้นหนา ให้สั่งมาชิมกันด้วย แถมในอนาคตก็จะมีมุมชีสและโคลด์คัตที่จะเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของร้านมาเสิร์ฟอีกเช่นกัน

Ma Ichi เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 11.00 - 22.00 น. (เฉพาะวันจันทร์, ศุกร์, อาทิตย์ ปิดเวลา 21.00 น.) ตั้งอยู่บนชั้น 2 ในโครงการ Feast Ratchakru ซอยพหลโยธิน 5

รายละเอียด

ที่อยู่
4, 2
Feast Ratchakru
พหลโยธิน 5 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท
กรุงเทพฯ
10400
การเดินทาง
BTS อารีย์​
เปิดบริการ
ทุกวัน 11:00 - 21:00
การโฆษณา
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ