[title]
ใครจะเชื่อว่าหลังประตูเหล็กบานสีดำจะพาเราหลีกหนีความวุ่นวายภายนอก แล้วสามารถนั่งดื่มด่ำกับรสชาติเมล็ดกาแฟจากทั่วโลกได้อย่างเพลิดเพลิน Labyrinth Cafe ที่หลายคนอาจกำลังแอบออกเสียงไม่ถูกนั้นแท้จริงอ่านว่า 'แล็บลิ้น คาเฟ่' ที่ตั้งตามชื่อสตูดิโอของหุ้นส่วนคนหนึ่งของร้าน เจ้าของคาเฟ่เป็นเพื่อนสนิท 3 คนที่รักการดื่มกาแฟเหมือนกัน คือ คุณเฟรย์–ณทพน จารุวัชระพน คุณยิ้ม–วรัญญู มาลสุขุม และ คุณเดช–สิทธิเดช ตั้งสัมฤทธิ์กุล จึงตัดสินใจเปิดร้านคาเฟ่ที่จะช่วยเล่าเรื่องราวของสามย่าน ผ่านพื้นที่ในตึกเก่าอายุ 70 ปี โดยมีรสกาแฟจาก slow bar เป็นเครื่องมือดึงดูดให้ทุกคนเข้ามาใช้เวลาในร้านให้นานที่สุด
คาเฟ่แห่งนี้ไม่มีป้ายบอกชื่อร้านให้เห็นอย่างชัดเจน มีเพียงบานกระจกใสให้สังเกตว่าด้านในมีบาร์กาแฟแอบแฝงตัวอยู่ เพราะที่จริงคาเฟ่นี้ตั้งใจเป็นส่วนหนึ่งของ The Shophouse 1527 อาร์ตสเปซที่ต้องการเก็บร่องรอยเดิมของตึกเอาไว้ให้มากที่สุด เช่นเดียวกับคาเฟ่ที่เราจะเห็นได้ทันทีที่ก้าวเข้ามา ร่องรอยบนผนังเป็นของดั้งเดิม บันไดเดินขึ้นสู่อาร์ตสเปซชั้น 2 ก็เป็นของตึกนี้ สิ่งที่เพิ่มเข้ามามีเพียงเคาน์เตอร์บาร์สีดำ เก้าอี้สำหรับนั่งดื่ม และพื้นคาเฟ่ที่ปูด้วยหินกรวด คาเฟ่เน้นใช้แสงจากธรรมชาติ แต่บรรยากาศร้านดูผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ
หากหยิบเมนูของร้านขึ้นมาดูจะเห็นว่ามีให้เลือกไม่มากเท่าไหร่ เพราะที่จริงแล้วความหลากหลายอยู่ที่ชนิดของเมล็ดกาแฟต่างหาก ด้วยความตั้งใจเป็นคาเฟ่แบบ slow bar จึงอยากแนะนำให้ทุกคนลองเมนู Pour Over Coffee (140 บาท) กาแฟดริปที่มีเมล็ดจากแหล่งต่างๆ หมุนเวียนมาให้ลองกันตลอด สามารถนั่งดูวิธีดริปกาแฟและพูดคุยเรื่องกาแฟกับบาริสต้าได้ สำหรับเมนูซิกเนเจอร์ Black Magic (90 บาท) เป็นกาแฟช็อตเอสเพรสโซอินฟิวส์กับลิ้นจี่ ซึ่งเมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูโปรดของเจ้าของบ้านคนก่อน ด้านบนท็อปด้วยฟองนมเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น
สำหรับคนไม่ดื่มกาแฟก็มีเมนู Kokoa Yen (80 บาท) โกโก้รสเข้มข้นที่เสิร์ฟแบบแยกชั้น เจ้าของร้านบอกว่าเมนูนี้เกิดจากความคิดถึงโกโก้เย็นสมัยเด็กที่เข้มข้นจากรสโกโก้และนม ไม่ใช้ช็อคโกแลต แก้วนี้ใช้น้ำแข็งบดเพราะอยากให้เรายกดื่มแล้วได้เคี้ยวน้ำแข็งไปด้วย ส่วนขนมมีให้ลองกันหนึ่งเมนูคือ ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา (40 บาท) กัดแล้วไส้ทะลัก สั่งมากินคู่กับกาแฟก็เข้ากันดีเลย