นักกินในกรุงเทพฯ ไม่มีใครไม่รู้จัก Luca Appino เชฟผู้สร้างสรรค์และพาร์ทเนอร์ร้านอาหารชั้นนำหลายร้านในกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น Pizza Massilia, Il Fumo, Via Maris และ Vesper แต่ก่อนที่เขาจะสร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักไปทั่ว เขาเริ่มสั่งสมทีมและประสบการณ์จากร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง La Bottega di Luca ที่เปิดมาเกือบสิบปีแล้ว และกลายเป็นร้านอาหารอิตาเลียนชั้นนำที่ยังคงได้รับความนิยมอย่างมากจากเมนูอิตาเลียนแบบดั้งเดิม เสริมด้วยวัตถุดิบสดคุณภาพดีที่สั่งตรงมาจากอิตาลี
ถ้าคุณเคยไปเที่ยวอิตาลีและคิดถึงการทานอาหารใน trattoria น่ารักๆ ตามชนบท การได้มากินอาหารที่ La Bottega di Luca จะช่วยให้หายคิดถึงบรรยากาศแบบนั้น โต๊ะด้านนอกที่ประดับโคมแอลอีดีหลากสีตั้งอยู่บนระเบียงที่ตกแต่งแบบสมัยใหม่และเก๋ไก๋ ส่วนทานอาหารด้านในให้ความรู้สึกเหมือนกลับไปในอิตาลีในวันวาน กับการตกแต่งด้วยอิฐผสมไม้ และภาพวาดสีสดใสบนผนังห้องทานอาหารเชื่อมต่อกับครัวเปิดให้แขกได้เห็นขั้นตอนในการทำอาหาร
ตอนนี้เชฟ Luca ยุ่งกับการบริหารร้านอาหารหลายร้าน หน้าที่ในครัวจึงตกอยู่กับเชฟ Andrea Ortu พ่อครัวชาวซาร์ดิเนียที่คอยดูแลควบคุมมาตรฐานให้เหมือนกับเมื่อสิบปีที่แล้ว มาเริ่มมื้ออาหารเย็นด้วยเมนูปลาหมึกย่าง (690 บาท) ที่ปรุงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบเสิร์ฟบนซุปถั่วลันเตาเย็น เสริมด้วยชีส stracciatella มะเขือเทศเชอรี และมะเขือเทศกงฟีต์ ตามมาด้วย trofie (490 บาท) ที่เป็นพาสต้าเส้นสั้นมีต้นกำเนิดมาจากแคว้นลิกูเรียทางภาคเหนือของอิตาลี เสิร์ฟมาพร้อมกับ bottarga ที่ทำจากทูน่าและปลากระบอก และหอยลายให้ความรู้สึกเหมือนยกทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาไว้ในจาน เมนูต่อมาคือ pan-fried turbot (1,290 บาท) เข้าคู่มากับซอสหญ้าฝรั่น มะกอก Taggliasca รสเข้มและมะเขือเทศตากแห้ง
สำหรับของหวาน เราลอง Tiramisu 2.0 ที่เบาบางและดูทันสมัยกว่า tiramisu แบบดั้งเดิมประกอบด้วย มูสมาสคาโปนชีส, ครัมเบิ้ลกาแฟ, ช็อคโกแลตชิปส์ และซอสช็อคโกแลต (340 บาท) ถ้าคุณชอบอาหารอิตาเลียนที่ไม่เลี่ยนและรสจัดเกินไปแบบที่ร้านทั่วๆ ไปเสิร์ฟ La Bottega di Luca จะไม่ทำให้ผิดหวัง นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ La Bottega di Luca ยังคงเป็นร้านโปรดในดวงใจนักกินมาเกือบสิบปี