Himali Cha Cha

เมื่อพูดถึงอาหารอินเดีย หลายคนอาจจะไม่คุ้นเคยมากนัก โดยเฉพาะเรื่องของกลิ่นเครื่องเทศที่ทำให้หลายคนไม่ค่อยกล้าลองกิน แต่ความจริงแล้วนั้นอาหารอินเดียถือเป็นหนึ่งในอาหารที่มีบทบาทสำคัญต่อโลก เพราะตัวเครื่องเทศเองคือหนึ่งในวัตถุดิบการปรุงอาหารที่มีค่าและเป็นสินค้าสำคัญในการซื้อขาย และยังเป็นอาหารที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับอาหารหลายๆ ชาติทั้งในเอเชียและยุโรป “หลายคนอาจมองวัฒนธรรมการกินอาหารฝรั่งว่าเท่ แต่ความจริงแล้วอาหารอินเดียถือเป็นการกินอาหารชั้นสูง” โกวิทย์ สะก๊าส (Kovit Sarcar) ทายาทรุ่นที่ 2 ของร้าน Himali Cha Cha & Son กล่าว “แต่สมัยนี้การยอมรับดีขึ้นมาก สังคมเปิดกว้างมากขึ้น อย่างตอนหนัง Slumdog Millionaire ฉาย คนก็เห่อบอลลีวูดมากขึ้นด้วย”

ด้วยรสชาติที่เข้มข้นของเครื่องเทศบวกกับความไม่คุ้นเคย อาหารอินเดียจึงอาจไม่เป็นที่นิยมทั่วไป แต่ร้านอาหารแห่งนี้คือร้านอาหารอินเดียเก่าแก่ที่ยืนหยัดมาตั้งแต่ปี 1979 และเป็นร้านประจำของบุคคลชั้นสูง รวมถึงผู้คนจากแวดวงฮอลลีวูดที่มาเยี่ยมเยียนร้านแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย จากจุดเริ่มต้นของร้านเริ่มจากคุณพ่อที่เคยทำงานเป็นเชฟในสถานทูตอินเดียประจำประเทศต่างๆ ก่อนจะย้ายมาประจำอยู่ลาว จนได้แต่งงานและออกมาเปิดร้านอาหารของตัวเอง ก่อนต้องหนีตายช่วงประเทศลาวเปลี่ยนแปลงการปกครอง มาอยู่ที่ประเทศไทย ร้านอาหารอินเดียร้านนี้จึงมาตั้งสาขาแรกอยู่ที่ถนนเจริญกรุง ก่อนจะขยับขยายจนมีถึง 3 สาขาในปัจจุบัน

เมนูเด่นๆ มีทั้ง Tandoori Chicken หรือไก่ย่างที่ผ่านการหมักด้วยโยเกิร์ตและสมุนไพร และที่ร้านแห่งนี้ยังย่างด้วยเตาโอ่งที่ใช้ถ่านทั้งหมดจึงได้รสชาติที่เข้มข้นและกลิ่นที่หอมแบบสุดๆ “นอกจากจะช่วยให้ไก่นุ่มแล้ว โยเกิร์ตยังมีความเหนียวที่ช่วยให้บรรดาเครื่องเทศติดเกาะกับไก่ได้เป็นอย่างดี”คุณโกวิทย์เล่าถึงขั้นตอนการทำเมนูจานเด็ด “ถ้าจะให้สมบูรณ์ก็ต้องกินกับขนมปังนานที่ทำจากแป้งข้าวเจ้าอบเตาโอ่งเช่นกัน” แต่นอกเหนือจากแป้งนานและแป้งโรตีที่เราเห็นกันคุ้นๆ ตาแล้ว ก็ยังมีแป้งอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘จะปาตี’ ที่เป็นแป้งแบบนำไปทอดจี่โดยไม่ใช้น้ำมันแบบโรตีอีกด้วย  นอกเหนือจากเมนูนี้แล้ว ที่ร้านยังมีเมนูคลาสสิกอย่าง Chicken Kashmiri เป็นแกงไก่จากแคว้นแคชเมียร์ที่เพิ่มความข้นกว่าแกงประเภท Masala ด้วยโยเกิร์ต รวมไปถึงแกงแกะแบบต่างๆ อีกด้วย