[title]
ในที่สุดร้านอาหารแห่งใหม่ของเชฟการิมา อะโรร่า ที่หลายคนรอคอยก็เปิดให้บริการแล้ว บนโลเคชั่นเดียวกับร้าน Gaa ในซอยสุขุมวิท 53 ซึ่งร้านจะอยู่บนชั้นล่างพร้อมกับบรรยากาศสไตล์ห้องนั่งเล่นที่เหมาะกับการนั่งกินอาหารทั้งมื้อเช้า มื้อสาย จนถึงมื้อเย็น
HERE ยังคงนำเสนออาหารอินเดียในคอนเซ็ปต์ทันสมัยอย่างที่เชฟการิมาถนัด ทว่าสำหรับร้านน้องใหม่แห่งนี้เชฟตั้งใจทำให้ทุกเมนูเข้าถึงง่าย ไม่ซับซ้อน ทว่าหน้าตาและรสชาติยังคงสวยงามและน่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น อีกทั้งราคายังเป็นมิตรน่าคบหาอีกด้วย โดยเมนูส่วนใหญ่จะเป็นอาหารอินเดียที่อาจไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ส่วนหนึ่งเป็นความตั้งใจของเชฟเอง ที่อยากให้ทุกคนได้ลองชิมอาหารเช้าแบบที่ชาวอินเดียรับประทานกันจริงๆ
เมนูที่ร้านจึงมีความหลากหลายและเหมาะสำหรับมื้อระหว่างวัน มีตั้งแต่ Masala Chai (90 บาท) ชาอินเดียต้นตำรับที่แนะนำให้สั่งมากินคู่กับ Rusk (150 บาท) ขนมปังกรอบที่มาพร้อมเนยและแยมขิง เวลากินให้ลองปาดเนยและแยมลงบนขนมปังก่อน เมื่อชิมรสแล้วค่อยลองนำไปจุ่มกินกับชาร้อนๆ
เมนูต่อมาที่เราชอบเป็นพิเศษยกให้ Mango Shrikhand (180 บาท) โยเกิร์ตเนื้อเนียนพร้อมซอสมะม่วง เสิร์ฟคู่กับแป้งปูรี (poori) เป็นแป้งที่นำไปทอดจนพองเป็นโพรงด้านใน เวลากินให้ฉีกแป้งเป็นแผ่นแล้วดิป หรือจะใส่โยเกิร์ตลงด้านในแล้วกินก็สนุกดี ส่วนอีกเมนูแนะนำคือ Egg Bhurji (220 บาท) เมนูนี้คล้ายไข่คนที่เสิร์ฟคู่กับขนมปังซาวโดว์และบัตเตอร์เพาว์ (butter pav) แนะนำให้กินประกบกันคล้ายแซนด์วิชแล้วกัดทีละคำตอนร้อนๆ รับรองว่าเป็นจานที่เหมาะสำหรับมื้อเริ่มต้นวันสุดๆ
หรือใครอยากกินมื้อเช้าแบบสดชื่นและเบาท้อง ร้านก็มี Boppa Doi (220 บาท) ด้านล่างเป็นโยเกิร์ตรสมัทฉะ ท็อปด้วยผลไม้หลากชนิด หรือเมนูโทสต์ Eggfruit Mole (220 บาท) ขนมปังซาวด์โดว์ ท็อปด้วยม่อนไข่และไข่ต้ม ก็น่าลอง
ส่วนเมนูที่ควรสั่งเพราะหากินได้ยากคือ Black Rice Dosa (220 บาท) ขนมที่ชาวอินเดียนิยม ซึ่งโดซ่าของร้านต่างจากที่อื่นๆ เพราะแป้งทำจากข้าวสีดำ เสิร์ฟพร้อมดิป 3 อย่าง คือ ชัทนีย์มะพร้าว กันพาวเดอร์ และกี เมนูนี้สามารถฉีกแผ่นแป้งแล้วดิปผสมกันได้ตามใจชอบ
หลายเมนูที่ร้านมีความดีต่อสุขภาพไม่น้อย ซึ่งมีหลายจานที่เชฟการิมานำสูตรมาจากครอบครัวของเธอเอง ทำให้รสชาติที่เราจะได้ลองมีความอบอุ่น และผสมกลิ่นอายจากบ้านเกิดของเชฟอยู่ นอกเหนือจากเมนูที่แนะนำไปก็ยังมีอาหารประเภทโจ๊กสไตล์อินเดีย สลัด และเบเกอรี่ให้สั่งมาเติมเต็มมื้อแรกของวันให้ครบอีกเช่นกัน
โดยตอนนี้ร้านก็เปิดช่วงเวลาเพิ่มสำหรับมื้อเย็นแล้ว ซึ่งจะมีไวน์ชั้นดีให้เลือกดื่มเคล้ากับลิสต์เมนูเฉพาะมื้อค่ำ ซึ่งจะเสิร์ฟในพอร์ชั่นสำหรับหนึ่งคน และแชร์ร่วมกัน แน่นอนว่าอาหารยังคงเป็นสไตล์อินเดีย มีทั้งจานสลัด ซีฟู้ด นาน เมนูย่าง เคบับ และพลาดไม่ได้กับไอศกรีม Kulfi (90 บาท) ขนมหวานสไตล์อินเดียฉบับดั้งเดิม
HERE เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7.30 - 17.00 น. และ 17.30 - 23.00 น. สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 097 140 5647