ครั้งแรกที่ได้ยินว่ามีร้านชาเขียวญี่ปุ่นเปิดอยู่ในย่านสุทธิสารที่เต็มไปด้วยชาวออฟฟิศ เราก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าบรรยากาศจะเป็นรูปแบบไหน แต่พอได้ลองไปนั่งใช้เวลา ดูเจ้าของร้านที่พ่วงตำแหน่ง tea master คอยแนะนำชาทีละตัวให้ทุกคนอย่างใจเย็น และค่อยๆ ชงชาเขียวทีละแก้วอย่างระมัดระวัง ขั้นตอนต่างๆ ทำให้เรารู้สึกเพลินจนลืมไปเลยว่าด้านหลังเต็มไปด้วยความพลุกพล่านขนาดไหน
Grow teastudio เป็นร้านชาเขียวญี่ปุ่นเล็กๆ ตั้งอยู่ในซอยด้านหลังตลาดเมืองไทยภัทร ในร้านมีเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์ชงชาเพียง 3 ที่นั่ง กับพื้นที่เล็กๆ สำหรับนั่งรอเครื่องดื่ม แม้จะมีสเปซไม่มาก แต่เราว่าร้านมีความน่าดึงดูดเพราะใช้กระจกใสบานใหญ่ ทำให้ใครเดินผ่านก็ต้องเห็นบรรยากาศด้านในได้ชัดเจน ‘คุณบะหมี่’ หนึ่งในเจ้าของร้านและ tea master บอกเราว่า ที่ตั้งใจแต่งร้านสไตล์ตะวันออกและใช้สีดำเป็นหลักก็เพราะอยากให้ทุกคนแวะมาแล้วรู้สึกสงบข้างใน
เรานั่งคุยกับคุณบะหมี่จนได้รู้ว่าก่อนหน้านี้เธอทำอาชีพเป็น food designer แต่หลังจากอิ่มตัวก็ผันมาเป็นนักชงชาอย่างจริงจัง คุณบะหมี่ตัดสินใจเปิดร้านนี้ร่วมกับเพื่อนอีกคนชื่อ ‘คุณประทัด’ ทั้งสองอยากทำร้านชาเขียวที่ดื่มง่าย ไม่เข้มข้นเกินไปจนดื่มแล้วไม่สบายท้อง และหลังจากตามหาชาเขียวที่ต้องการอยู่ 2 ปีเต็ม คุณบะหมี่ก็พบว่า “อูจิมัทฉะ” เป็นสายพันธุ์ชาที่รสชาติมีมิติและมีความเบาฟุ้งอย่างที่ต้องการมากที่สุด
“เราไปเจอโรงเรียนชาโบราณที่เขายึดวิธีการชงอูจิมัทฉะตามขั้นตอนที่สืบทอดมาร้อยปี เขาเคร่งครัดกับทุกอย่างที่ส่งผลต่อรสชาติ ตั้งแต่วิธีการปลูก แปรงชงชา ชามและน้ำที่ใช้ จนกว่าจะถึงมือผู้ดื่ม เราเลยอินกับอูจิมัทฉะมากขึ้นจนเลือกมาเป็นชาประจำร้าน เมนูชาเขียวของ Grow จึงทำจากอูจิมัทฉะทั้งหมด”
ร้านตั้งใจออกแบบเมนูซิกเนเจอร์ให้มีครบทุกรสชาติของชาเขียว คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม ขม อูมามิ ทำให้เกิดเป็น 5 เมนูหลักที่ใช้วิธีชงแบบ cold whisk เริ่มจากเมนู Basic Ujicha (135 บาท) เหมาะสำหรับคนลองดื่มครั้งแรกหรือคนไม่ชอบชาเขียว เพราะร้านใช้วิธีโคลด์บริวทำให้ชาค่อยๆ ปล่อยรสชาติออกมา จึงมีรสเบาไม่เข้มข้นเกินไป ต่อมาคือ Umami (180) รสมีความกลมกล่อมสมชื่อ ชิมแล้วออกเปรี้ยวนิดๆ หากใครจับเทสโน๊ตเป็นคุณบะหมี่บอกว่าจะรู้สึกเหมือนชิมข้าวเหนียวหุงใหม่ แต่ถ้าใครอยากเน้นอโรม่าชา แนะนำเป็น Ooika (165 บาท) ซึ่งอโรม่าของอูจิมัทฉะคือจะมีรสดาร์กช็อก ดอกไม้ และสาหร่าย
Shibumi (160 บาท) จะเป็นตัวที่ออกรสขมแบบโกโก้ แต่ดื่มแล้วรู้สึกสะอาดลิ้น ถ้าใครชอบดื่มกาแฟอาจถูกใจตัวนี้เป็นพิเศษ เพราะจะให้ความสดชื่นเบาๆ รสชาติมีมิติ สุดท้ายเป็น Grower (180 บาท) ร้านใช้ชาแบบ single origin เป็นซีเครทเบลนด์ที่ร้านทดลองมาหลายวิธีจนทำให้ออกมาเป็นชาที่รสฟุ้งกระจายมีหลายมิติ ชิมแล้วจะได้รสเหมือนถั่วญี่ปุ่นย่างเนย
หลังจากได้ลองดื่มเรารู้สึกว่ามัทฉะของร้าน Grow ค่อนข้างแตกต่างจากที่อื่น เพราะมีความดื่มง่ายแต่ยังให้สัมผัสความเป็นมัทฉะอยู่ หากใครชินกับชาเขียวเข้มๆ อาจคิดว่าชาของที่นี่รสเบาไปก็ได้ แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนนั่นล่ะ ว่าอยากสัมผัสชาเขียวแบบไหน และนอกจากเมนูหลักแล้ว ร้านก็มีเมนูอื่นๆ อย่างเช่น ชาจีน ชานม หรือ Umeboshi (125 บาท) น้ำบ๊วยโซดาที่ร้านใช้บ๊วยจากภาคเหนือนำมาดองเอง ทำให้เนื้อหวานฉ่ำไม่เค็มเหมือนทั่วไป และอีกเมนูขนมที่ต้องชิม โดรายากิ (65 บาท) สูตรใกล้เคียงต้นตำรับ แป้งมีความเบา กินร้อนๆ ผิวจะกรอบ ไส้ทำจากถั่วแดงนำเข้าจากญี่ปุ่น
Grow teastudio เปิดบริการทุกวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 10:00 - 18.00 น. (ปิดวันจันทร์)