[title]
หากพูดถึงอาหารอิตาเลียนในกรุงเทพฯ หลายคนอาจมองว่าหาได้ทั่วไป แต่ Capricci กลับแตกต่างออกไป ด้วยการนำเสนอรสชาติที่ผสมผสานความดั้งเดิมของอิตาลี กับเทคนิคสมัยใหม่อย่างลงตัว พร้อมบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงยุคเรโทรดิสโก้ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่คนรักอาหารและสายแฮงเอาต์ไม่ควรพลาด
วันที่ทางเราเข้าไปทาน เริ่มต้นด้วย Crispy Piadina (350 บาท) พิซซ่าแป้งบางกรอบ ที่เสิร์ฟพร้อมหัวคื่นช่ายฝรั่ง (celeriac) โรยด้วยพาร์เมซานชีสขูด ที่ล้นจนแทบมอง ไม่เห็นเนื้อการ์ปัชโชที่อยุ่ด้านล่าง เป็นพิซซ่าที่ให้ความรู้สึกเบาและไม่หนักท้องจนเกินไป
มาถึงจานหลักที่เป็นไฮไลต์ของร้านคือ Wagyu Hanger Steak (990 บาท) ย่างมาได้ความสุกกำลังดี เนื้อนุ่มจนใช้ช้อนตัดได้ เสิร์ฟพร้อมซอสที่ช่วยเสริมรส แต่ไม่แย่งความเด่นของเนื้อที่เป็นพระเอกของจาน
จบท้ายมื้อด้วยของหวานสุดคลาสสิก Capxi Tiramisu (280 บาท) ทีรามิสุรสชาติ เข้มข้นกำลังพอดี นุ่มละมุนฉ่ำไปด้วยรสชาติของชั้นเลดี้ฟิงเกอร์ ชั้นครีมตีมาได้เนียน หอม และผงโกโก้ที่ช่วยตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว
นอกจากอาหารอิตาเลียนจานเด็ดแล้ว เครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้ากับเมนูซิกเนเจอร์ Banane E Lamponi (340 บาท) ค็อกเทลที่ใช้เหล้าจิน มิกซ์กับ Fabbri Raspberry, Campari, Banana Fabbri และ Mez ได้เป็นเครื่องดื่มสีชมพูหวาน ที่มองเผินๆ รู้สึกว่าน่าจะหวานจนเกินไป แต่เมื่อดื่มแล้วมีทั้งรสหวานอมเปรี้ยว หอมกลิ่นกล้วยและราสป์เบอร์รี แต่ยังคงความเข้มของจิน ทำให้จิบดื่มได้เรื่อยๆ
ภายในร้านตกแต่งให้บรรยากาศสนุกสนานด้วยโทนสีแดงสด เฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ โมเดิร์น และชั้นวางแผ่นเสียงไวนิลที่ตั้งเด่นอยู่กลางร้าน เข้ากันดีกับเพลงยุคดิสโก้ที่ เปิดอยู่ในร้าน เหมือนย้อนเวลากลับไปในยุค 70s ทุกมุมเหมาะสำหรับถ่ายลงโซเชียล ถือได้ว่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์ ทั้งสายทานและสายแชร์ได้ในที่เดียว
26/3 ถนน เย็นอากาศ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร เปิดให้บริการ จันทร์ - เสาร์ เวลา 17:30 น. - เที่ยงคืน ปิดอาทิตย์ โทร 065-853-9336