ตามเก็บ 10 ร้านอาหาร รางวัลมิชลิน บิบ กูร์มองด์ ในอยุธยา

มาถึงจังหวัดอยุธยาก็ต้องแวะชิมก๋วยเตี๋ยวเรือ และร้านก๋วยเตี๋ยวเรือแห่งเดียวในอยุธยาที่ได้รางวัลมิชลิน บิบ กูร์มองด์ ในปีนี้ก็คือ ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็ก’ ที่ตั้งอยู่ใกล้สวนสาธารณะบึงพระราม ฝั่งถนนบางลาน โดยเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวริมทางที่เปิดมานานกว่า 30 ปี และขึ้นชื่อเรื่องรสชาติจัดจ้านสไตล์อยุธยา ซึ่งน้ำซุปจะค่อนข้างมีรสหวานนำและเผ็ดนิดๆ 

ส่วนราคาก็เริ่มต้นที่ชามละ 15 - 20 บาท มีทั้งหมูและเนื้อ โดยร้านจะเสิร์ฟเป็นชามเล็กๆ ถ้าใครหิวมากก็อาจไม่อิ่ม ดังนั้นแนะนำให้สั่งทีเดียวจะได้ไม่ต้องรอคิวใหม่ให้นาน และหากไปนั่งชิมก็อาจได้เห็นบางโต๊ะมีชามก๋วยเตี๋ยวซ้อนกันจนสูงก็ถือเป็นเรื่องปกติเช่นกัน ขอเตือนว่าถ้าใครมาช่วงบ่ายแก่ๆ เป็นต้นไป วัตถุดิบบางอย่างอาจเริ่มหมดก็ได้นะ

ร้านเปิดทุกวัน เวลา 8:00 - 17:00 น.

ออกจากเกาะอยุธยามานิดหน่อย จะเจอร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้ที่เราเองก็อยากแนะนำต่อเหมือนกัน เพราะทุกเมนูรสชาติกลมกล่อมเข้มข้น เชื่อว่าถูกปากคนส่วนใหญ่ได้แน่นอน โดยร้าน ‘ก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกคุณประนอม’ เปิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเกาเหลาหม้อดินที่ริเริ่มเป็นเจ้าแรกๆ ในจังหวัด ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากจะเห็นแทบทุกโต๊ะมีเมนูหม้อดินเผาตั้งอยู่ด้วย

ก๋วยเตี๋ยวจะเป็นแนวน้ำขลุกขลิก มีทั้งเมนูต้มยำที่ขึ้นชื่ออีกเช่นกัน และก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋นที่เนื้อเปื่อยนุ่ม ส่วนน้ำซุปก็รสชาติดี เมนูที่แนะนำก็คือ เกาเหลาหม้อดินขาไก่ (50 บาท) ก๋วยเตี๋ยว​ไก่​ฉีก (30-40 บาท) และ ก๋วยเตี๋ยว​น่อง​ไก่​ตุ๋น​ (50​ บาท)

ร้านสาขาดั้งเดิมอยู่หน้าวัดพนมยงค์ เปิดทุกวันอังคาร - อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 08.00 - 16.00 น.

ร้านสตรีตฟู้ดเก่าแก่อายุร้อยปีและเป็นหมูสะเต๊ะเจ้าแรกของจังหวัดอยุธยา โดยร้านเปิดมานานตั้งแต่ราคาหมูสะเต๊ะ 2 ไม้ ราคาหนึ่งสลึง (25 สตางค์) จนปัจจุบันสืบทอดกิจการต่อโดยลูกหลานรุ่นที่ 3 แล้ว ความเด็ดอยู่ตรงรสชาติน้ำจิ้มที่ไม่เหมือนใคร เป็นสูตรดั้งเดิมสไตล์จีนผสมอิสลามที่ “เฮียแกะ” ผู้เป็นชาวจีนอพยพและเป็นเจ้าของรุ่นแรกได้ทำสูตรนี้ขายมาตั้งแต่แรกเริ่ม และลูกหลานก็สืบทอดสูตรโดยไม่เคยเปลี่ยนเลยมาจนปัจจุบัน 

เมนูสะเต๊ะจะมีให้เลือกทั้งหมู ไส้อ่อน และตับ ตอนนี้ขายราคาไม้ละ 6 บาท ร้านจะไม่มีสาขาอื่น มีสาขาเดียวอยู่บนถนนป่ามะพร้าว เปิดขายทุกวันเวลา 8:00 - 14:00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 081-780-9067 

ถ้าใครแวะมาอยุธยาแล้วไม่รู้ว่าควรซื้อสายไหมร้านไหนดี (เพราะมีเยอะเต็มไปหมด) เราขอแนะนำให้มาที่ ‘ร้านแม่ป้อม สาขาแม่’ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง โดยเป็นร้านโรตีสายไหมที่เปิดมานานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 นับว่าเป็นอีกเจ้าแรกๆ ของจังหวัด และถึงแม้จะไม่ใช่ร้านใหญ่โต เนื่องจากเปิดอยู่หน้าบ้านและทำกันเองเพียง 3 คน แต่บอกเลยว่าถ้าหากไม่โทรจองมาก่อน คงอดกินแน่นอน

“โรตีสายไหมของป้าจะไม่ใส่สีผสมอาหาร เพราะเราไม่อยากให้ลูกค้ากิน ขนมร้านป้าเลยเป็นสีธรรมชาติแบบดั้งเดิม และที่สำคัญคือป้าต้องชิมทุกวัน"

พวกเรายืนดูวิธีทำโรตีสายไหมแต่ละขั้นตอนอยู่หน้าร้าน และได้รู้ว่าความแตกต่างของร้านแม่ป้อมอยู่ตรงกรรมวิธีทำแบบดั้งเดิมและรสชาติ โดยแป้งโรตีของร้านนี้จะมีความบาง แต่เหนียวนุ่ม และมีรสชาติเค็มนิดๆ เพื่อให้กินแล้วเข้ากับสายไหมหวานมัน ซึ่งเป็นอีกความแตกต่างจากเพราะส่วนใหญ่ที่อื่นๆ จะมีรสน้ำตาลหวานแหลม ส่วนการทำสายไหมก็ใช้วิธีเคี่ยวบนเตาถ่าน พอสุกจับตัวเป็นก้อนจึงนำมายืดให้กลายเป็นสายไหมสีนวล

"ป้าทำเท่าที่ไหว ทำเรื่อยๆ ทั้งวัน แต่ก็มีช่วงที่(สินค้า)หมดบ้าง ป้าอยากเน้นคุณภาพ ให้คนซื้อไปได้กินของดีๆ"

ป้าป้อมบอกว่าวันหนึ่งจะทำได้ประมาณ 100 ชุดเท่านั้น ถ้าใครอยากชิมแนะนำให้โทรสั่งล่วงหน้าที่เบอร์ 081-485-5108 โดยราคาชุดละ 50 - 100 บาท

อีกร้านโรตีสายไหมที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินไกด์ โดยร้านนี้เป็นของครอบครัวชาวมุสลิมที่เป็นหนึ่งในเจ้าแรกๆ ของจังหวัด และเปิดขายมานาน 30 ปี ปัจจุบันจะมีสาขาอยู่ 2 แห่ง สาขาแห่งแรกตั้งอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลอยุธยาฯ สำหรับความโดดเด่นของโรตีสายไหมร้านนี้ก็คือ แป้งจะหนานุ่ม ส่วนสายไหมจะหวานมัน ร้านบอกมาอีกว่าสายไหมของที่นี่จะเป็นสีครีมธรรมชาติและจะไม่ทำให้ฟูฟ่องเต็มถุงเหมือนที่อื่นๆ

โรตีสายไหมอาบีดีน เปิดทุกวัน เวลา 6:00 - 18:00 น. สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ 089-005-9948 สำหรับราคาโรตีสายไหม ชุดเล็ก 39 บาท ครึ่งโล 50 บาท และหนึ่งโล 100 บาท

ร้านอาหารไทยที่เปิดกันเองโดยครอบครัว และเสิร์ฟเมนูรสชาติภาคกลาง คือมีความครบเครื่องครบรส บรรยากาศร้านจะเหมาะสำหรับคนที่อยากหาร้านอาหารสบายๆ แต่รสชาติดีแวะกินก่อนเดินทางต่อ ในร้านจะมีทั้งโซนด้านนอกและในห้องให้เลือก และจะเน้นเสิร์ฟเป็นเมนูกับข้าว มีทั้งอาหารทั่วไปและเมนูทำอย่างโบราณ โดยเมนูแนะนำก็อย่างเช่น คะน้าปลาเค็ม (150 บาท) สายบัวผัดกุ้ง (150 บาท) แสร้งว่ากุ้ง (250 บาท) ผัดกระดูกอ่อนใบยี่หร่า (150 บาท)

แต่ถ้าให้พูดถึงเมนูที่เราอยากแนะนำว่าห้ามพลาดก็ต้องเป็น ผัดกระดูกอ่อนใบยี่หร่าและผัดกระเพรา ทั้งสองเมนูจะผัดแห้งแบบโบราณ ทำได้มีรสชาติและหอมสมุนไพร แถมอีกข้อดีของร้านนี้ก็คือไม่ต้องรออาหารนาน เพราะมีการแบ่งหน้าที่ในครัวอย่างเป็นระบบ ทำให้สั่งอาหารหลายอย่าแล้วได้กินพร้อมกันในคราวเดียว

ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10:00 - 19:30 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร 089-764-5119

เรือนไทยกุ้งเผาเป็นร้านอาหารที่เปิดให้บริการมานานกว่า 30 ปี ร้านจะขึ้นชื่อเรื่องกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ และมีให้เลือกหลายไซส์ตามเมนูที่อยากชิม โดยเมนูจะเสิร์ฟเป็นสไตล์กับข้าวและเมนูกุ้งเผาตามขนาด คนส่วนใหญ่แวะมาที่นี่ก็เพื่อลิ้มลองกุ้งแม่น้ำที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของจังหวัดอยุธยา โดยกุ้งจากร้านเรือนไทยจะมาจากหลายแหล่งน้ำในประเทศ หรือบางครั้งก็มาจากชาวบ้านที่จับได้

กุ้งแม่น้ำของร้านจะมีให้เลือกตั้งแต่ขนาดเล็กสุด กิโลกรัมละ 9 - 13 ตัว (450 บาท) กิโลกรัมละ 7 ตัว (1,200 บาท) ไปจนถึงกิโลกรัมละ 2 ตัว (1,800 บาท) แต่ถ้าใครอยากสั่งเป็นกับข้าว ร้านก็จะใช้กุ้งไซส์เล็กลงมาที่เหมาะกับแต่ละเมนู ส่วนเมนูกับข้าวอื่นๆ ที่ร้านแนะนำก็จะมี ฉู่ฉี่เนื้อปลาเนื้ออ่อน ผัดฉ่า ผัดสายบัว กุ้งทอดเกลือ เป็นต้น

ร้านเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10:00 - 17:45 น. อยู่ในบริเวณวัดเชิงเลน สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 081-269-5061 หรือ 089-887-0871

ร้านอาหารตามสั่งที่เปิดอยู่ในบ้านทรงไทยหลังเล็กๆ ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพพรีเมียมเพื่อนำมาปรุงอาหารเป็นเมนูต่างๆ ทำให้กลายเป็นอีกร้านแนะนำสำหรับคนที่อยากแวะมาจังหวัดอยุธยา โดยเมนูขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ “หมูกรอบ” แนะนำให้สั่งเป็นเมนูกับข้าวหรือราดข้าว อาทิ หมูกรอบผัดกระเพรา (80 บาท) หมูกรอบผัดพริกเกลือ (80 บาท) หรือ หมูกรอบพร้อมน้ำจิ้ม (300 บาท)

ส่วนเมนูอื่นๆ ที่แนะนำอีกก็อย่างเช่น ปูก้อนผัดพริกเกลือราดข้าว (200 บาท) ต้มยำปลาคัง (300 บาท) ปลากระพงผัดพริกเกลือ (400 บาท)

ร้านเปิดให้บริการทุกวันพุธ - จันทร์ (ปิดวันอังคาร) เวลา 10:00 - 15:00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร 035 323 969

แม้ว่าร้านจะอยู่ในอำเภอเสนาที่ห่างจากตัวเมืองอยุธยาไปไกลสักหน่อย (ประมาณ 20 กิโลเมตร) แต่ร้านนี้ก็เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานประมาณ 80 ปี และได้รับเลือกให้เป็นอีกร้านอาหารแนะนำหากเดินทางมาอยุธยา โดยเจ้าของร้านแรกเริ่มเลยก็คือ “เฮียจุ้ง” ผู้เป็นทั้งคนทำอาหารและเจ้าของชื่อร้าน ก่อนต่อมาจะลับลาไปและผู้ที่มาสืบทอดร้านต่อในปัจจุบันก็คือ เฮียคุง น้องชายของเฮียจุ้งนั่นเอง

จุ้งบริการเป็นร้านอาหารตามสั่งสไตล์กับข้าว เมนูเด็ดก็คือ กุ้งแม้น้ำเผา กิโลกรัมละ 900 บาท/4 ตัว ทอดมันปลากราย (80 บาท) ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน (150 บาท) ต้มยำกุ้ง (ตามน้ำหนัก) เป็นต้น

ร้านเปิดทุกวัน เวลา 9:00 - 18:00 น. สอบถามเพิ่มเติมโทร 086-758-7264

ถ้าถามหาร้านนี้กับชาวอยุธยาอาจได้รับเครื่องหมายคำถามเป็นคำตอบ เพราะชื่อที่ชาวอยุธยาส่วนใหญ่เรียกกันก็คือ “ข้าวต้มนักเลง” ซึ่งหมายถึงเจดีย์นักเลง (หรือเจดีย์สามปลื้ม) ที่ร้านเปิดอยู่ใกล้ๆ โดยพ่อครัวเจ้าของร้านก็คือ ‘คุณลุงทุย’ ซึ่งคุณลุงบอกว่าร้านเปิดมานาน 30 ปีแล้ว ส่วนชื่อร้านก็แล้วแต่คนมากินจะเรียก และเริ่มแรกก็เป็นร้านอาหารตามสั่งธรรมดาๆ ลูกค้าสั่งอะไรมาให้ก็ทำถ้าหากมีวัตถุดิบ ส่วนตอนนี้คนส่วนใหญ่จะมานั่งกินข้าวต้มกัน ถ้าหากจะเรียกว่าเป็นข้าวต้มรอบดึกก็คงได้ เพราะตามปกติแล้วร้านจะเปิดตั้งแต่เย็นจนรุ่งสราง

“ผมขายตามใจคนกิน ถ้ามีวัตถุดิบก็ทำได้หมด เมนูและราคาในแต่ละวันเลยขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ได้มา”

สำหรับเมนูแนะนำส่วนใหญ่ก็จะเป็นกับข้าว อย่างเช่น หมูกรอบคั่วพริกกระเทียม ปลาหมึกผัดไข่ ปูผัดผงกะหรี่ กุ้งซีอิ๊ว ปลาเก๋าสามรส ปลาเต๋าเต้ยทอด โดยร้านเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17:00 - 00:00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 081-984-4089