[title]
อาจเป็นการดับฝันของใครหลายๆ คนที่อยากไปล่องเรือชมเมืองเวนิสบนเรือสำราญ เพราะตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป รัฐบาลประเทศอิตาลีจะห้ามไม่ให้เรือลำใหญ่แล่นเข้า-ออกบริเวณลากูนของเมืองเวนิสอีก
ที่จริงแล้วกฎข้อนี้มีการโต้เถียงกันมานานและหลายครั้ง เพราะถึงแม้เรือสำราญขนาดยักษ์จะช่วยพานักท่องเที่ยวเข้ามาชมเมืองเวนิสได้มากถึง 20 ล้านคนต่อปี แต่มันกลับเป็นภัยคุกคามที่อาจทำให้ กรุงเวนิส ที่เป็นหนึ่งในมรดกโลก ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในแบล็กลิสต์ว่าเป็น ‘มรดกโลกที่กำลังตกอยู่ในอันตราย (World Heritage in Danger)’ ซึ่งนั่นก็เพราะการเปิดรับเรือท่องเที่ยวแบบไม่หยุดหย่อนมาตลอดหลายปีนี้
![venice italy](https://media.timeout.com/images/105795716/image.jpg)
ทุกคนอาจกำลังคิดว่ามันควรเป็นเรื่องดีสิ กับการมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจำนวนเท่านั้น แต่สิ่งที่ชาวเวนิสกำลังเผชิญอย่างแท้จริงก็คือ ชาวท้องถิ่นกำลังหายไปเรื่อยๆ เนื่องจากที่อยู่อาศัยเปลี่ยนเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวไปเสียหมด ชาวเวนิสรุ่นใหม่เลยย้ายออกจากเมือง จนปัจจุบันเหลือชาวเวนิสอยู่ประมาณ 50,000 คนเท่านั้น
ส่วนอีกเหตุผลสำคัญก็คือ เรื่องสิ่งแวดล้อมและเสน่ห์ของเมืองเวนิสที่กำลังหายไป เพราะลองนึกภาพดูว่าคุณกำลังเดินชมวิหาร พระราชวัง และจัตรัสอันสวยงาม แล้วจู่ๆ ก็มีเรือขนาดมหึมาแล่นผ่านคลองจนบดบังทัศนียภาพไปจนหมด เท่านี้ก็น่าจะได้คำตอบไม่ยากว่าทำไมชาวเวนิสถึงอยากแบนเรือสำราญนัก
อีกทั้งบางครั้งนักท่องเที่ยวที่ล่องเรือเข้ามาก็ไม่ได้ลงมาใช้ชีวิตในเมืองอีก (ผ่านมาเฉยๆ) ทำให้พวกเขาไม่เคยสัมผัสเสน่ห์ของเมืองเวนิส และทำให้บางธุรกิจในเวนิสก็ไม่ได้พัฒนาตามจำนวนนักท่องเที่ยวเสียเท่าไหร่ด้วย
ตามประกาศที่ออกมา จะสั่งห้ามเฉพาะเรือที่มีน้ำหนักมากกว่า 25,000 ตัน มีความยาวมากกว่า 180 เมตร และสูงกว่ามากกว่า 35 เมตร รวมถึงเรือที่มีการใช้เชื้อเพลิงมากกว่าที่กำหนด ซึ่งข้อหลังสุดนี้อาจส่งผลต่อเรือยอร์ชขนาดใหญ่ด้วย ส่วนเรือลำเล็ก เรือเฟอร์รี่ หรือเรือบรรทุกสินค้าสามารถแล่นผ่านคลองได้ไม่มีปัญหา
ณ ตอนนี้ รัฐบาลประเทศอิตาลีวางแผนแก้ปัญหาว่าจะสร้างท่าเรือใหม่ 5 แห่งเพื่อให้เรือสำราญเข้าเทียบที่แผ่นดินหลักแทน และคาดว่าจะสร้างเสร็จภายในปี 2022 ซึ่งเชื่อว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมาเดินทางกันมากขึ้น