[title]
เราเคยพูดถึงคอร์สเมนูเปิดตัวห้องอาหาร สระบัว บาย กิน กิน ไปก่อนแล้ว ซึ่งการกลับมาครั้งนี้จะเป็นการรีวิวคอร์สเมนู Summer Journey ที่จะเสิร์ฟจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน และถึงแม้ตอนนี้จะยังเสิร์ฟแอลกอฮอล์ไม่ได้ ห้องอาหารสระบัว ก็จะมีน้ำผลไม้แพร์ริ่งให้เลือกดื่มแทน
เชฟประจำห้องอาหารก็ยังคงเป็นเชฟชยวีร์ สุจริตจันทร์ ที่ทำงานควบคู่กับเชฟเฮนริค อูล แอนเดอร์เซนโดยหลังจากทุกคนเดินทางมาถึงแล้ว ปกติห้องอาหารจะมีมุมต้อนรับเพื่อเสิร์ฟของกินเล่นแนวสตรีตฟู้ดให้กินก่อน ทว่าตอนนี้จะเสิร์ฟให้ที่โต๊ะอาหารแทน ซึ่งแต่ละคำก็น่าสนใจและเตรียมเพื่อให้เราพร้อมเข้าสู่คอร์สอาหารจริงที่จะเริ่มต้นด้วย “ต้มยำบันเทิง” ที่เป็นเมนูไฮไลต์ของสระบัว
เกร็ดสนุกๆ คือเชฟเฮนริคได้แรงบันดาลใจจานไฮไลต์นี้มาจาก ‘มาม่าต้มยำกุ้ง’ ที่เราคุ้นเคย แต่ต้มยำกุ้งของเขามาในรูปเครื่องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ต้มน้ำต้มยำผ่านเครื่องไซฟ่อน ก่อนให้เราฉีดเส้นเต้าหู้ลงไปในซุปร้อนเอง เต้าหู้ที่โดนน้ำร้อนก็จะหงิกงอจนดูคล้ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กลายเป็นจานไฮไลต์ที่อยู่ยงคงในทุกเมนูมาหลายปี โดยต้มยำจะเสิร์ฟมาพร้อมกับ วาฟเฟิลผักชี ข้าวเกรียบกุ้ง และยำปลาคอด คอร์สนี้เราแนะนำให้ค่อยๆ กินทุกอย่างสลับกัน แล้วจะได้รสชาติของต้มยำกุ้งแปลกใหม่ที่เชฟเฮนริคอยากนำเสนอ
คอร์สถัดมาเป็น “แสร้งว่าปลาแซลมอน” ที่ได้แรงบันดาลใจจากยำปลาดุกฟู ซึ่งคอร์สนี้พนักงานจะยกครกมาผสมน้ำยำที่ข้างโต๊ะเลย เมนูเราประทับใจมากๆ เพราะรสชาติเป็นไปตามอย่างที่ยำควรจะเป็น คือมีทั้งความเปรี้ยว กรุบกรอบ เผ็ดแต่พอดี คลุกเคล้ากินพร้อมเนื้อปลาแซลมอนฟูแล้วเข้ากันมาก
เชฟเฮนริคดึงความรุนแรงของรสชาติลงด้วยการเสิร์ฟคอร์สต่อไปที่รสชาตินุ่มนวล “หอยนางรมซอสมิโซะ” พร้อมโฟมมิโซะและแพนเค้กสไตล์เดนมาร์ก ‘เอบเบลสกีเวอร์ (Æbleskiver)’ มองครั้งแรกอาจดูคนละทิศคนละทาง แต่พอชิมแล้วมีความเชื่อมต่อกันอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเราว่าเป็นเพราะ ‘เนยมิโซะ’ ที่รสชาติละมุน เข้ากับคัตสึโอะหรือปลาแห้ง รวมถึงช่วยดึงแพนเค้กเดนมาร์กให้มีรสชาติขึ้นมาด้วย
ส่วนจานก่อนเข้าเมนคอร์สเป็น “ตับห่านซอสมะขาม” ที่ให้ฟัวกราส์มาชิ้นขนาดพอดี ตัดเลี่ยนด้วยซอสมะขามรสเปรี้ยวอมหวาน ส่วนด้านบนเป็นโฟมลิ้นจี่ เสิร์ฟมาคู่กับติ่มซำเนื้อน่องเป็ดกงฟี จิ้มกับพริกน้ำส้มสูตรจังหวัดตรัง
มาถึงเมนคอร์ส “มัสมั่นเนื้อแก่นตะวัน” ที่แค่นำมาวางแล้วก็ได้กลิ่นหอมเครื่องเทศโชยมาอ่อนๆ เพราะเชฟนำเนื้อไปซูวีดกับเครื่องเทศถึง 48 ชั่วโมงจนเปื่อยนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสมัสมั่นและข้าวจากจังหวัดสุรินทร์ จานนี้ต้องบอกว่าแอบมีความเป็นสเต็กมากกว่าข้าวกับแกง เราเลยอยากแนะนำให้กินเนื้อกับซอสมัสมั่นเป็นหลัก แนมด้วยข้าวคำเล็กและวัตุถดิบอื่นๆ ที่เชฟจัดวางมาให้บนจาน
แต่สิ่งที่โดดเด่นและทำให้จานนี้ไม่น้อยหน้าจานอื่นๆ ก็คือ ‘แก่นตะวัน’ ที่เสิร์ฟมาทั้งเปลือก เชฟนำไปทอดจนกรอบ นำเนื้อมาผสมจนเป็นพิวเร กลายเป็นของกินเล่นที่ทำให้เมนูนี้ดูสนุกขึ้นมาไม่น่าเชื่อ
ปิดท้ายด้วยของหวาน “สับปะรดภูเก็ตขมิ้น” เชื่อว่าเพราะเชฟไม่ยอมให้เราเบื่อกันง่ายๆ เมนูนี้เลยนำเสนอให้อย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนเป็นอันจบคอร์ส Summer Journey สำหรับมื้อกลางวัน รวมแล้วจะมีทั้งหมด 6 คอร์ส ถ้าหากใครเลือกเพิ่มน้ำผลไม้แพร์ริ่งด้วย ก็จะได้ดื่มน้ำผลไม้ทั้งหมด 6 แก้วที่จับคู่มาให้อย่างดี
แต่เราก็อยากแนะนำอีกว่า อยากให้ทุกคนเลือกมาเปิดประสบการณ์ช่วงมื้อเย็นดู เพราะไม่ใช่เพียงคอร์สเมนูที่เพิ่มขึ้น แต่ห้องอาหารสระบัว บาย กิน กิน จะมีเซอร์ไพรส์เสิร์ฟให้ทุกคนชิมต่ออีกหลังจบคอร์ส ซึ่งเราว่าเป็นเรื่องราวที่จะทำให้ทุกคนรู้จักเชฟเฮนริคมากขึ้นด้วย
คอร์สเมนู Sumer Journey จะสิ้นสุดฤดูกาลวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ สามารถสอบถามและสำรองที่นั่งได้ผ่านทาง เบอร์โทร 02 162 9000 หรืออีเมล dining.siambangkok@kempinski.com หรือผ่านเว็บไซต์ Siam Kempinski Hotel Bangkok
สำหรับราคามื้อกลาวัน 4 คอร์ส ราคา 1,850++ บาท/ท่าน และ 6 คอร์ส ราคา 2,600 บาท/ท่าน (เสิร์ฟระหว่างเวลา 12:00 - 15:00 น.) สำหรับมื้อค่ำ 6 คอร์ส ราคา 2,600++ บาท/ท่าน และ 8 คอร์ส ราคา 3,200++ บาท/ท่าน (เสิร์ฟระหว่างเวลา 17:00 - 20:00 น.)
หากต้องการน้ำผลไม่แพร์ริ่ง (Story of Gems) ราคาสำหรับ 4 คอร์ส 390++ บาท/ท่าน, 6 คอร์ส 590++ บาท/ท่าน และ 8 คอร์ส 790++ บาท/ท่าน