[title]
บอกเลยว่านี่เป็นอาหารเพียงไม่กี่มื้อเท่านั้นที่เรารู้สึกประทับใจ จนอยากให้ทุกคนมีโอกาสได้ลองชิมดูสักครั้ง ดินเนอร์ครั้งนี้นอกจากมีความพิเศษคือได้เชิญ เชฟโอลิวิเยร์ ลิมูแซง (Olivier Limousin) แห่ง L’Executif Chef ที่ปกติแล้วเชฟจะให้บริการแบบ private dining เท่านั้น มาร่วมรังสรรเมนู ร่วมกับ เชฟเจย์ - สายนิสา แสงสิงแก้ว แห่งร้านอาหารสตาช (Restaurant Stage) การที่เชฟทั้งสองได้ยืนอยู่ในครัวเดียวกัน (อีก) ครั้งนี้ ยังถือเป็นการคืนสู่เหย้าในฐานะผู้เคยร่วมงานกันในครัวของร้านอาหารดัง ณ กรุงปารีส ซึ่งมีเจ้าของเป็นเชฟอาหารฝรั่งเศสระดับตำนานอย่าง เชฟโจเอล โรบูชง (Joël Robuchon) ที่เปิดร้านระดับหรูและสามารถนำดาวมิชลินมาประดับแต่ละสาขาได้รวมแล้วหลายดวง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีสาขากรุงเทพฯ รวมอยู่ด้วย

สำหรับ เชฟโอลิวิเยร์ ถือเป็นหนึ่งในเชฟฝีมือดีที่นักชิมทั้งหลายอยากลิ้มรสฝีมือเขาสักครั้ง ซึ่งเชฟเคยทำงานในครัวห้องอาหารติดดาวมาแล้วหลายแห่ง อาทิ Amphyclès (กรุงปารีส) เจ้าของมิชลิน 2 ดาว หรือ Le Taillevent (กรุงปารีส) เจ้าของมิชลิน 3 ดาว รวมถึงเคยทำงานกับร้านอาหาร La Table de Joël Robuchon Paris ของเชฟโจเอล โรบูชง (Joël Robuchon) เชฟอาหารฝรั่งเศสระดับโลก ที่เชฟได้เป็นหนึ่งในทีมก่อตั้งร้านสาขาดังกล่าวในปี 2014 ก่อนร้านนั้นจะได้รับมิชลิน 2 ดาวในเวลาต่อมา หลังจากนั้นยังได้ร่วมก่อตั้งร้านของเชฟโจเอลอีก 2 สาขา ได้แก่ สาขาลอนดอน (ได้รับมิชลิน 2 ดวง) และ สาขากรุงเทพฯ (ได้รับมิชลิน 1 ดวง) อีกด้วย
หลังจากเราได้ฟังเรื่องราวนี้ ดินเนอร์จึงสร้างความประทับใจให้ได้ตั้งแต่จานแรกที่วางอยู่ เพราะเชฟเลือกใช้จานพิมพ์รูปมือของเชฟโจเอลสำหรับการเสิร์ฟเมนูแรก ซึ่งชวนให้เรานึกถึงจุดร่วมเดียวกันของสองเชฟ ที่เป็นทีมก่อตั้งร้านอาหารของเชฟโจเอล สาขากรุงเทพฯ และได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งหลังจากแยกย้ายกันไปเนื่องจากร้านสาขาประเทศไทยปิดตัวลง นอกจากนี้ เชฟเจย์ แห่งร้านอาหารสตาช ก็เป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่เคยไปเทรนที่ร้านอาหาร L’Atelier de Joël Robuchon สาขาปารีส อีกด้วย

อาหารทั้ง 10 คอร์สที่เราได้ลิ้มลองในมื้อนี้ เป็นสไตล์อาหารฝรั่งเศสที่เชฟทั้งสองคนเชี่ยวชาญมากที่สุด โดยแต่ละจานถูกเรียบเรียงจังหวะให้เข้ากันได้เป็นอย่างดี จนเราสามารถเพลิดเพลินไปกับทุกเมนูได้ตลอดระยะเวลากการรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นความหนัก-เบาของรสชาติ การนำเสนอ หรือความน่าค้นหา ทำให้หากจะเลือกจานใดจานหนึ่งขึ้นมาเล่าคงทำได้ยาก
ดินเนอร์จะเริ่มเสิร์ฟด้วยเมนูของว่างหรือ อามูส บุช ให้กินเรียกน้ำย่อยก่อน หลังจากนั้นจึงตามด้วยคอร์สเมนูแรก Le Caviar ล็อบสเตอร์ คอนซอมเม่เจลลี่ ท็อปด้านบนด้วยครีมกะหล่ำและคริสตัลคาเวียร์ เป็นจานที่น่าตื่นเต้นตั้งแต่ได้เห็นถ้วยทรงไข่มาวางตรงหน้า แน่นอนว่ารสชาติก็ชวนให้อดใจรอจานต่อไปไม่ไหว


จนกระทั่งมาถึงจานที่เรายกให้ครบองค์ประกอบและตราตรึงที่สุด นั่นก็คือ La Truffe Noire ที่แม้หน้าตาจะดูเรียบง่าย แต่รสชาติและสัมผัสกลับชวนให้อยากกินซ้ำไปเรื่อยๆ โดยเมนูนี้ฐานด้านล่างเป็นทาร์ตกรอบๆ เลเยอร์ตรงกลางคือหัวหอมตุ๋นสไตล์ฝรั่งเศสเคล้าเบคอน ตามด้วยชั้นบนที่มีแบล็คทรัฟเฟิลสไลด์วางเรียงอยู่ และจานนี้เองที่เป็นหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟโอลิวิเยร์
ส่วนอีกเมนูที่มีไอเท็มห้ามพลาด La Caille จานนี้เป็นเมนูพิเศษที่เชฟโอลิวิเยร์ รังสรรค์ร่วมกับทีม Stage โดยนำนกกระทานำเข้าจากฝรั่งเศสมาทอด ก่อนยัดไส้ด้วยฟัวกราส์ เสิร์ฟคู่กับซอสทำจากน้ำผึ้ง และ 'มันบด' เนื้อนุ่มเนียนที่เป็นสูตรลับเฉพาะอันเลื่องชื่อของเชฟโอลิวิเยร์

คอร์สดินเนอร์พิเศษ Restaurant Stage x Chef Olivier Limousin จัดเพียง 2 คืนเท่านั้น คือวันพฤหัสบดีที่ 3 และ วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2563 เวลา 19.00 น. โดยเทสติ้งเมนูทั้ง 10 คอร์ส ราคา 10,000++ บาท/ท่าน (รวมไวน์แพริ่ง) สามารถสำรองที่นั่งหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-002-5253, 083-623-4444 หรือ Line ID: stagebkk