[title]
หลังจากห่างหายไม่ได้แวะมาเยี่ยมเยียน Restaurant Stage เอกมัย ที่นำโดย เชฟเจ-สายนิสา แสงสิงแก้ว มานานตั้งแต่ช่วงโควิดแรกๆ ในที่สุดวันนี้เราก็ได้กลับมาลิ้มรสมือของเชฟเจอีกครั้ง พร้อมคอร์สเมนูใหม่เวอร์ชั่น 7.0 ที่เชฟบอกว่าท้าทายกว่าเดิม เพราะเป็นครั้งแรกที่ร้านใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเยอะขนาดนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็พยายามรักษากลิ่นอายอาหารฝรั่งเศสที่หลายคนชอบไว้ไม่ให้หายไปด้วย
ทำให้ในคอร์สเมนู ‘Stage Menu 7.0’ ทุกคนจะได้เห็นเทคนิคการทำอาหารที่หลากหลาย และการนำเสนอที่เรียบง่ายแต่ดูดีสไตล์เชฟเจเช่นเคย แต่เราเชื่อว่าหากใครเคยลองชิมฝีมือเชฟมาแล้วหลายๆ ครั้ง จะสัมผัสได้แน่นอนว่าคอร์สเมนูใหม่รอบนี้มีบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากแต่ก่อน
เริ่มจากคอร์สแรกที่อยู่ในเซ็ตเมนู ‘Stage Experience’ เชฟเสิร์ฟเป็นของกินเล่น 4 คำ ได้แก่ เวเฟอร์กรอบสไตล์เมดิเตอเรเนียน, ทาร์ตไข่มิโมซ่าท็อปไข่ปลาแซลมอน พัฟเป็ดกงฟี และคำสุดท้ายที่หลายคนชอบมาก “หมูป่าห่อใบงา” เชฟเพิ่มรสชาติด้วยลูกฟิกย่างกับซอสพอนสึ กินแล้วหอมสมุนไพรและมีรสชาติมากๆ
ตามด้วยคอร์ส “White Asparagus” ที่เสิร์ฟในรูปแบบซุปเย็นแอสปิก (ซุปเจลาติน) กินคู่กับหอยเรเซอร์และคาเวียร์ฝรั่งเศส จานนี้มีความสดชื่น เพื่อเตรียมรับจานต่อไป “Ox & Bone” ที่มีรสชาติหนักแน่น เป็นเทอร์รีนหางวัว ท็อปด้วยคร็อกเก้ไขกระดูกวัว และทารากอนอิมัลชั่น
เราชอบที่ Stage จะมีคอร์สผักเป็นพระเอกเสมอ อย่างครั้งนี้เสิร์ฟเป็น “Local Vegetable” เชฟนำหัวมันจากเพชรบูรณ์มาซูวีด เสิร์ฟพร้อมผักชีลาว ถั่วเลนทิล สลัดมันแกว และซอสรมควันที่ดัดแปลงมาจากซุปเย็นของสเปน
“River Prawn” เป็นคอร์สที่เชฟหยิบกุ้งแม่น้ำจากสุราษฎร์ธานีมาใช้ ด้วยการนำไปย่างก่อนทาด้วยไขมันเป็ดให้ชุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอสทำจากกุ้ง ริซอตโต้ผัดมันกุ้ง ผักดอง และทรัฟเฟิล
หลังจากนั้นเป็นจานที่เราชอบมาก และไม่คิดว่าจะได้ชิมในร้านอาหารฝรั่งเศส “Soft-shell Crab” ปูนิ่มจากจังหวัดระยองชุปแป้งบรั่นดีทอด เสิร์ฟคู่กับเกี๊ยวใบชะครามไส้เนื้อปู ซุปดาชิผสมขิง และผงมันกุ้ง
ก่อนเข้าสู่เมนคอร์ส “Red Grouper” จานปลาเก๋าแดงที่เชฟแนะนำ เสิร์ฟพร้อมเอดามาเมะ และซอสปลาฟูเม่ผสมส้มจี๊ด พอชิมทั้งหมดด้วยกันแล้วเราชอบที่มีรสเปรี้ยวตัดให้ทุกอย่างเข้ากันลงตัว
หลังจากนั้นเป็นจานหลักที่มีให้เลือกระหว่าง “Koji Buta” เนื้อหมูจากอาร์เจนติน่าเสิร์ฟพร้อมซอสเห็ดมอเรล หรือ “Milk-Fed Veal” เนื้อลูกวัวพันรอบด้วยลิ้นวัว เสิร์ฟพร้อมแอสพารากัสสองสี และซอสเห็ดมอเรล โดยเราเลือกเป็นเนื้อลูกวัวที่นุ่มและมีรสชาติ
ปิดจบด้วยของหวาน “Texture of Pear” ที่เชฟนำเสนอลูกแพร์ในหลายๆ แบบ ตั้งแต่การนำไปโพช ทำเป็นพุดดิ้ง สเฟียร์ ชิปส์ เอสพูม่า และกรานิต้า
“ถามว่าเราหาตรงกลางได้อย่างไรก็ตอบยาก เพราะอาหารคอร์สนี้เราตั้งใจใช้วัตถุดิบในประเทศก็จริง แต่เราก็ไม่อยากให้คนที่รักอาหารยุโรปรู้สึกว่าความเป็นฝรั่งเศสในร้านนี้มันหายไปด้วย” เชฟเจเดินมาเล่าให้เราฟังหลังจากจบคอร์ส
แถมเชฟยังบอกอีกว่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ Restaurant Stage หยิบวัตถุดิบท้องถิ่นมาใช้เยอะขนาดนี้ ซึ่งหลังจากเราชิมแล้วก็มองว่านี่เป็นอีกเวอร์ชั่นใหม่จากเชฟเจ ที่ยังมีกลิ่นอายครัวฝรั่งเศสเหมือนเดิม เพียงแต่เชฟดึงรสชาติอาหารให้มาใกล้ตัวเรามากขึ้น ด้วยวัตถุดิบที่หยิบมาใช้ในแต่ละจาน
หากใครอยากตามไปลอง ร้านจะมีให้เลือก 2 คอร์ส คือ “Tasting Menu” จำนวน 7 คอร์ส ราคา 2,900++ บาท (ไวน์แพริ่ง 4 แก้ว 1,700++) และอย่างที่เราได้ชิมวันนี้ “STAGE Experience” 10 คอร์ส ราคา 4,500++ บาท (ไวน์แพริ่ง 6 แก้ว 2,500++)
Restaurant Stage อยู่ในโครงการเอกมัย คอมเพล็กซ์ เปิดให้บริการทุกวัน มื้อกลางวัน 12:00 – 14:30 น. (สำหรับ 4 ท่านขึ้นไปและต้องจองโต๊ะล่วงหน้า 1 วัน) และ มื้อเย็น 18:00 – 00:00 น.
สอบถามเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งโทร 02-002-5253, 083-623-4444 หรือ https://www.restaurant-stage.co/ หรือ Line ID: stagebkk