[title]
Michelin Guide เปิดรับสมัครงานตำแหน่ง “ผู้ตรวจสอบมิชลิน” (Food Inspector) ผู้อยู่เบื้องหลังการตัดสินว่าร้านดีร้านดังร้านไหนจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “ร้านอาหารมิชลิน”
ถือว่าเป็นตำแหน่งงานที่เชื่อว่าหลายคนสงสัยว่า คืออะไร แล้วทำอะไร หรือใครที่รู้ก็ติดตามว่าเมื่อไรจะมีการรับสมัครกัน เพราะตำแหน่งนี้ส่วนมากจะไม่ได้เปิดรับบ่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงการประกาศรางวัลร้านอาหารมิชลินไกด์ ที่จะระบุว่ารายชื่อทั้งหมดผ่านการคัดเลือกโดย Food Inspector ผู้ทำหน้าที่ตระเวนชิมอาหารหลากหลายสัญชาติจากร้านดังทั่วทุกมุมโลก ก่อนที่จะมาร่วมกันคัดเลือกร้านที่โดดเด่น
โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็น Food inspector ขั้นแรกจะต้องมั่นใจว่าคุณเป็นคน “กินเงียบ” ได้ดี เพราะหนึ่งในคุณสมบัติพื้นฐานของตำแหน่งนี้จะต้องยึดมั่นกับการ “ไม่เปิดเผยตัวตน” ข้อมูลทุกอย่างจะต้องปิดเป็นความลับ
ตามข้อมูลของเว็บไซต์ Michelin Guide ระบุว่า “แม้ว่าผู้ตรวจสอบของเราจะเป็นพนักงานของมิชลิน แต่สุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นก็คือผู้บริโภคเช่นเดียวกันกับทุกท่าน ดังนั้นการประเมินคุณภาพของร้านอาหารโดยไม่เปิดเผยตัวตน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ได้รับสิทธิพิเศษหรือการปฏิบัติแบบพิเศษ จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความเป็นกลางและความน่าเชื่อถือของ มิชลิน ไกด์”
และจะต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 5 ปี ในวงการ Hospitality และ Food & Beverage นอกเหนือจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ที่เป็นคุณสมบัติพื้นฐานแล้ว จะต้องมีใจรักอาหารที่นอกเหนือจากแค่รสชาติเพียงอย่างเดียว แต่ต้องรวมถึงการจดจำรายละเอียดที่รวมกันเป็นประสบการณ์ในมื้ออาหารนั้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารข้างทางหรือร้านไฟน์ไดนิ่ง ที่ตำแหน่งนี้จะต้องจ่ายเงินเองจากงบของมิชลินที่จัดสรรให้ เพื่อความกลมกลืนเสมือนเป็นลูกค้าธรรมดาคนหนึ่งมากที่สุด การจัดการตารางชีวิต รวมถึงรายละเอียดของการเดินทางจึงรวมเป็นหนึ่งใคุณสมบัติที่ต้องมีด้วย
นอกจากนี้การคัดเลือกร้าน ‘ติดดาวมิชลิน’ จะไม่ถูกตัดสินจากการกินแค่ครั้งเดียว เพื่อให้มั่นใจถึงมาตรฐานและความมั่นคงของคุณภาพ ทำให้ตำแหน่งนี้คนที่สมัครได้จะต้องมั่นใจว่าสามารถออกเดินได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ รวมถึงการค้นคว้าข้อมูลแบบอินไซด์ของรสชาติอาหารตามแต่ละเมือง
โดยแต่ละร้านอาหารจะต้องได้มาตรฐานผ่านเกณฑ์การประเมินครบทั้ง 5 ข้อของผู้ตรวจสอบของ Food Inspector ประกอบด้วย 1. คุณภาพของวัตถุดิบที่ใช้ 2. ความโดดเด่นของรสชาติและเทคนิคการทำอาหาร 3. เอกลักษณ์เฉพาะตัวของเชฟที่สะท้อนออกมาในอาหารและประสบการณ์ในมื้อนั้น 4. ความคุ้มค่าสมราคา และ 5. ความสม่ำเสมอ
จากข้อมูลที่เราไปหาเพิ่มมา ผู้ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้าย จะได้ร่วมโต๊ะกินข้าวพร้อมกันหลังจากนั้นจะได้รับมอบหมายให้เขียนรายงานตามแบบฉบับของมิชลิน ถ้าใครที่ได้รับคัดเลือกจะต้องรับหน้าที่เป็นเงาติดตาม Food Inspector ตัวจริงเพื่อเรียนรู้งานประมาณ 4-6 เดือน ก่อนที่จะได้ลงสนามเองจริง โดยเฉลี่ยนแล้วตำแหน่งนี้ จะได้กินอาหารไม่มื้อกลางวันก็ดินเนอร์ไม่ต่ำกว่า 300 มื้อต่อปีเลยทีเดียว
ใครที่สนใจอ่านแล้วอยากลองสมัคร กดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://michelinhr.wd3.myworkdayjobs.com/en-US/Michelin/job/Bangkok-MSG-Headquarters/Inspector--The-Michelin-Guide_R-2023012306?fbclid=IwAR25BoCcMC_AEvs4WwfWmKCekhR_tHP5Srp5_W5lB_1GuPI4T86RbI7w3Ow หรือ www.facebook.com/MichelinCareersTH