[title]
ผลงานภาพยนตร์ภาคต่อจาก IT (2017) ที่ได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก และกวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 700 ล้านเหรียญ เรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วหลังจากที่แก๊งเด็กขี้แพ้ (Loser Club) แยกย้ายออกจากเมืองเดอร์รี ไปมีชีวิตและหน้าที่การงานอันแสนก้าวหน้านานเกือบ 30 ปี แล้วอยู่ๆ เหตุการณ์เลวร้ายก็เริ่มเกิดขึ้นในเมืองอีกครั้ง ซึ่ง 'ไมค์' (รับบทโดย ไอเซห์ มุสตาฟา) สมาชิกคนเดียวของแก๊งที่อยู่ในเมืองเดอร์รีมาตลอดก็รู้ในทันทีว่า 'มัน' กลับมาแล้ว เขาจึงตามตัวกลุ่มเพื่อนที่สาบานร่วมกันเอาไว้ให้กลับมารวมตัวอีกครั้งเพื่อหาทางกำจัดเจ้าตัวตลกเพนนีไวซ์ไปอย่างถาวร
แต่การกลับมาของพวกเขาก็ไม่ใช่แค่การกลับมารวมตัวกันทั่วไป เราจะได้เห็นพวกเขาเผชิญหน้ากับอดีตและความหลังฝังใจที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในวัยเด็ก เป็นเรื่องราวที่เหมือนจะลืมไปแล้ว แต่แค่เพียงโดนสะกิดเล็กน้อย ปมเหล่านั้นก็สามารถขมวดและรัดแน่นให้เจ็บปวดทรมานได้ และเมื่อถึงจุดหนึ่งอย่างไรพวกเขาก็จำเป็นต้องยอมรับและก้าวข้ามเพื่อที่จะได้มีโอกาสเติบโตขึ้นอย่างแท้จริง
ภาคนี้ยังคงเป็นฝีมือผู้กำกับคนเดิมอย่าง แอนดี้ มุสชีเอตติ (Andy Muschietti) พร้อมด้วยนักแสดงมากฝีมือมากมายมารับบทเป็น 'แก๊งเด็กขี้แพ้' ในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่พาภาพยนตร์ไปสู่จุดสูงสุด นำโดยผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ เจสสิก้า แชสเทน (Jessica Chastain) รับบท 'เบเวอร์ลี่' สมาชิกผู้หญิงหนึ่งเดียวของกลุ่มที่ต้องแบกรับปัญหาจากคนรักและพ่อ ขณะที่ เจมส์ แม็คอะวอย (James McAvoy) ก็มาโชว์ฝีมือให้เราดูอย่างเต็มอิ่มกับบุคลิกติดอ่างสุดบ้าบิ่นในบทของ 'บิล' ผู้นำกลุ่มที่ปัจจุบันกลายเป็นนักเขียนชื่อดังที่ไม่มีใครชื่นชอบตอนจบของนิยายเขาสักเรื่องเดียว
แต่ตัวละครที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้นดาวตลกอาชีพที่คอยหยอดมุกตลกร้ายใส่เพื่อนๆ และคนดูอย่าง 'ริชชี่' ซึ่งแสดงโดยบิล ฮาร์เดอร์ (Bill Hader) ส่วนนักแสดงคนอื่นที่เหลือทั้ง ไอเซห์ มุสตาฟา (Isaiah Mustafa) รับบทไมค์, เจย์ ไรอัน (Jay Ryan) รับบทเบ็น, เจมส์ แรนซัน (James Ransone) รับบทเป็นเอ็ดดี้, และแอนดี้ บีน (Andy Bean) รับบทสแตนลีย์ นั้นต่างก็ทำได้ดีเหมือนกลุ่มเด็กขี้แพ้ที่เติบโตขึ้นมาจริงๆ รวมทั้ง สตีเฟน คิง (Stephen King) ผู้เขียนนวนิยายเรื่องนี้ที่ได้รับเชิญให้มาปรากฎตัวเป็น Cameo พิเศษอีกด้วย
ขณะที่ความสยองของภาคนี้ดูจะจริงจังมากยิ่งขึ้นเพื่อยกระดับตามวัยของตัวละคร ผ่านการแสดงที่เด็ดดวงของ บิลล์ สการ์สการ์ด (Bill Skarsgård) ในบท เพนนีไวซ์ ปีศาจตัวตลก และงานซีจีที่ช่วยเสริมความหลอนในจังหวะต่างๆ ได้อย่างน่าประทับใจ แต่ด้วยความที่อิทธิฤทธิ์ของเพนนีไวซ์ในภาคนี้เจาะลึกไปที่ความกลัวของแต่ละตัวละครเสียเป็นหลัก ความหลอนที่ออกมาจึงจะไปในทิศทางดาร์กแฟนตาซี ไม่ใช่แนวผีหลอกวิญญาณหลอน ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะทำให้ระทึกขวัญจนนั่งเก้าอี้ไม่ติดอะไรแบบนั้นก็อาจจะมีผิดหวังไปบ้าง แต่ถ้าใครกำลังมองหาภาพยนตร์ที่เล่นกับความน่ากลัวในจิตใจ ก็ควรลองไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้
IT Chapter Two ฉายแล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์