[title]
สาวก Apple ได้เวลาอัปเกรดของใหม่กันอีกครั้ง หลังจากแอปเปิลเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ใน Apple Event เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลต์ของงานและมีคนรอเป็นเจ้าของมากที่สุดเหมือนทุกครั้งก็คือ iPhone 13 ที่เราได้สรุปข้อมูลสำคัญมาให้แล้ว
ดีไซน์
ภาพรวมของ iPhone 13 ใหม่ที่เปิดตัวพร้อมกัน 4 รุ่น คือ ได้แก่ iPhone 13, iPhone 13 Mini, iPhone Pro และ iPhone Pro Max มีความแตกต่างจากตระกูล iPhone 12 เล็กน้อย โดยทุกรุ่นยังมาในดีไซน์ขอบแบนเหมือนเดิมและขนาดหน้าจอเดิม
ดีไซน์ที่ต่างจากตระกูล iPhone 12 หลักๆ อยู่ที่กล้อง โดย iPhone 13 และ 13 Mini จัดวางกล้องคู่ด้านหลังจากเดิมที่เป็นแนวตรงมาเป็นแนวทแยง ส่วนชุดกล้องทั้ง 3 ตัวในรุ่น Pro และ Pro Max ยังอยู่ในตำแหน่งเดิมแต่มีขนาดใหญ่ขึ้นตามขนาดเซ็นเซอร์ใหม่ และทั้ง 4 รุ่นมีพื้นที่กล้องหน้า (ที่หลายคนเรียกติ่งหน้าจอ) เล็กลง 20% ข้อดีก็คือหน้าจอจะมีพื้นที่แสดงผลมากขึ้น


กล้อง
กล้อง iPhone 13 ทุกรุ่นมาพร้อมเซ็นเซอร์และรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น ช่วยลดนอยซ์ เพิ่มความไวชัตเตอร์ และถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น และเป็นครั้งแรกของ iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max ที่กล้องอัลตร้าไวด์มาพร้อมระบบออโต้โฟกัส ซึ่งทำงานในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น 92% ทำให้ภาพสว่างและคมชัดยิ่งขึ้น ส่วนกล้องเทเลโฟโต้ 77 มม. สามารถซูมแบบออปติคัลได้ 3 เท่า และเมื่อรวมทั้งระบบกล้องแล้วทำให้มีช่วงซูมแบบออปติคัลถึง 6 เท่า

นอกจากนี้ กล้องของทั้ง 4 รุ่นยังมีระบบ OIS ที่ช่วยลดความสั่นไหวด้วยการปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์แทนที่จะเป็นเลนส์เพื่อให้ภาพและวิดีโอนิ่งยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เปิดตัวไปใน iPhone 12 Pro Max
ฟีเจอร์น่าสนใจของกล้อง iPhone 13 ใหม่ คือ การถ่ายภาพมาโคร ซึ่งช่วยให้เราเก็บภาพวัตถุได้ใกล้สุด 2 เซนติเมตรแบบคมชัด และ โหมดภาพยนตร์ ที่สามารถเปลี่ยนโฟกัสได้โดยอัตโนมัติในขณะถ่ายวิดีโอและยังสามารถเปลี่ยนโฟกัสได้หลังถ่ายเสร็จ
จอภาพ
iPhone 13 และ 13 Mini จอภาพเป็น Super Retina XDR แบบ OLED ที่แสดงสีดำได้ดำสนิทและมีความสว่างสูงสุดขณะอยู่กลางแจ้งเพิ่มขึ้น 28% ส่วนรุ่น Pro และ Pro Max มีความสว่างกลางแจ้งสูงสุดเพิ่มขึ้น 25% แสดงผลละเอียดขึ้น สีสันและคอนทราสต์คมชัดขึ้น พร้อม ProMotion ที่ตอบสนองคำสั่งนิ้วไวขึ้น

แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ในทุกรุ่นสามารถใช้งานได้นานขึ้นในหนึ่งวันเมื่อเทียบกับตระกูล iPhone 12 ซึ่งเป็นผลจากชิป A15 Bionic แบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่ขึ้น และการจัดสรรพลังงานอย่างลงตัวจากฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ทำงานร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว
- iPhone 13 ใช้งานได้นานขึ้นสูงสุด 2.5 ชั่วโมง
- iPhone 13 mini ใช้งานได้นานขึ้นสูงสุด 1.5 ชั่วโมง
- iPhone 13 Pro ใช้งานได้นานขึ้นสูงสุด 1.5 ชั่วโมง
- iPhone 13 Pro Max ใช้งานได้นานขึ้นสูงสุด 2.5 ชั่วโมง
ราคาและการวางจำหน่าย
iPhone 13 และ iPhone 13 mini มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน, มิดไนท์, สตาร์ไลท์, แดง (Product) Red และสีชมพูพาสเทล ความจุเริ่มต้น 128GB
ราคาเริ่มต้น:
- iPhone 13 Mini 25,900 บาท
- iPhone 13 29,900 บาท

iPhone 13 Pro และ iPhone 13 Pro Max มีทั้งหมด 4 สี คือ สีกราไฟต์, ทอง, เงิน และสีใหม่ เซียร์ร่าบลู ความจุเริ่มต้น 128GB และเพิ่มความจุ 1TB มาเป็นครั้งแรก
ราคาเริ่มต้น:
- iPhone 13 Pro 38,900 บาท
- iPhone 13 Pro Max 42,900 บาท

ในไทยจะเปิดให้จอง 1 ตุลาคม 2564 และวางขาย 8 ตุลาคม 2564