[title]
พอถึงเวลาเปลี่ยนฤดูกาลใหม่ตามฝั่งยุโรปที่เป็นบ้านเกิดของห้องอาหาร ‘Elements’ ต้องบอกเลยว่าการกลับมาชิมฝีมือเชฟเจอร์ราร์ดในครั้งนี้มีอะไรแตกต่างจากครั้งก่อนมากพอสมควรเลย ทั้งเรื่องรสชาติและการหยิบวัตถุดิบมาใช้ในแต่ละคอร์สที่เชฟนำเสนอความเป็นฤดูร้อนจากประเทศฝรั่งเศส ผสมกลิ่นอายอาหารญี่ปุ่นให้เราชิมได้อย่างตรงไปตรงมา
โดยคอร์สเมนูที่เราจะพูดถึงวันนี้เป็น ‘Mizu (จำนวน 8 คอร์ส)’ ซึ่งเป็นคอร์สเมนูใหญ่ที่สุด พร้อมกับเลือกดื่มเป็น ‘คอมบูฉะแพร์ริ่ง’ ที่เราไม่อยากให้ทุกคนพลาดอีกเช่นเคย เพราะเป็นคอมบูฉะหมักเองของทีม Elements ที่ออกแบบรสชาติมาให้เข้ากับอาหารที่นี่โดยเฉพาะ
เมื่อเริ่มต้นเชฟจะเสิร์ฟอมูช บุช ทั้งหมด 3 คำให้ชิมก่อน ซึ่งไฮไลต์ของรอบนี้เราต้องยกให้ “แอนโชวี่เมอร์แรง” ที่มีทั้งรสชาติและความแปลกใหม่สุดๆ ส่วนอีก 2 คำเป็น “หนังไก่ท็อปกุ้งแม่น้ำ” และ “สาคูแตงโม” ที่กินแล้วสดชื่นสมกับเป็นซัมเมอร์
เมื่อเข้าสู่คอร์สอาหาร คอมบูฉะแก้วแรกที่เสิร์ฟจะเป็นกลิ่นอายทรอปิคัลชัดเจน เป็นรสชาติของเสาวรส น้ำผึ้ง และชาเขียวจากภาคเหนือ ให้จิบคู่กับอาหาร 2 คอร์สแรกคือ “Hamachi” หอยนางรม รูบาร์บดอง และสมุนไพรท้องถิ่น เราค่อนข้างชอบจานนี้เลยเพราะกินแล้วสดชื่น ก่อนตามด้วยอีกจาน “Smoked Eel” ปลาไหลรมควันจากเนเธอแลนด์ซึ่งเป็นชนิดหายากในไทย เนื้อสัมผัสจะนุ่มและมีไขมันเยอะ เสิร์ฟให้กินคู่กับขนมปังกรอบ คาเวียร์ และซอสวอเตอร์เครส
คอมบูฉะแก้วที่สองจะมีรสชาติสตรอว์เบอร์รี่ และกลิ่นของซากุระ โดยเบสทำมาจากชาเขียว ก่อนผสมสตรอว์เบอร์รี่และกลิ่นซากุระลงไป เสิร์ฟให้จิบคู่กับเมนู 2 คอร์สเช่นเดิม คือ “Langoustine” กุ้งจากอิตาลีที่ทำสุกแค่ฝั่งเดียว มาพร้อมซอสแอปเปิ้ลดองยูสุและดอกคาโมไมล์ จานนี้เรียบง่ายแต่รสชาติซับซ้อนอย่างที่เชฟบอก และเป็นอีกจานที่เราชอบเป็นพิเศษในครั้งนี้ด้วย
ส่วนอีกคอร์สเป็น “Hokkaido Scallop” ที่เราชอบมากอีกเช่นกัน โดยเชฟนำสแกลลอปไปเซียร์ ก่อนคลุกกับผงฟูริคาเกะ หรือผงโรยข้าวญี่ปุ่น พอเสิร์ฟจะเทซุปใสอุ่นๆ ทำจากสแกลลอปและปลาแแห้งให้กินพร้อมกัน จานนี้เลยมีทั้งรสชาติ อโรมา และหน้าตาที่น่าสนใจ
ต่อมาเป็นคอมบูฉะทำจากชาเขียว น้ำผึ้ง แอปเปิ้ลเขียว ยูสุ และตะไคร้ เสิร์ฟให้จิบคู่กับอาหาร “Norwegian Wild Cod” ปลาคอดเสิร์ฟพร้อมซอสฮอลแลนเดสผักโขม เคล ก่อนท็อปด้วยอูนิจากฮอกไกโด (800++ บาท) เราชอบที่จานนี้มีรสชาติครีมมี่เข้ามาช่วยตัดความเปรี้ยวจากหลายๆ จานก่อนหน้า และอาจเพราะแบบนี้ด้วย จานนี้เลยมีรสชาติค่อนข้างชัดเจนขึ้นมา
หลังจากนั้นตามด้วยคอมบูฉะเบสจากเอิร์ลเกรย์ มะม่วง และมะกรูด ที่เสิร์ฟคู่กับจาน “Fleur De Courgette A La Barigoule” เป็นอีกจานที่มีความครีมมี่และเราค่อนข้างชอบทั้งหน้าตาและรสชาติ โดยเชฟเสิร์ฟดอกซูกินีจากฝรั่งเศส ให้กินคู่กับอาร์ติโชก ซอสเบชาแมลมิโสะ ทรัฟเฟิล และกระเทียมขาว
มาถึงเมนคอร์สที่เป็นซิกเนเจอร์ โดยรอบนี้ยังเป็นเนื้อวัวเช่นเดิม “Kamichiku A5 Satsuma Wagyu” แต่เชฟเปลี่ยนสายพันธุ์ใหม่และใช้เนื้อวากิว A5 ส่วนสตริบลอยน์ ทำให้รอบนี้รู้สึกมีเนื้อสัมผัสมากขึ้น กินคู่กับซอสพลัม และมันฝรั่งไส้แกงกะหรี่ญี่ปุ่น แถมทั้งเนื้อและรสชาติซอสรอบนี้เราว่าค่อนข้างทำได้ดี เพราะใส่วาซาบิที่ให้มาคู่กันแล้วทำให้กินเพลินมากขึ้น
ส่วนคอมบูฉะที่เสิร์ฟคู่กับคอร์สนี้น่าสนใจตรงทีมพยายามทำให้มีสีคล้ายไวน์แดงที่เข้ากันกับเนื้อสัตว์แดง เลยหมักชาด้วยการใช้ชาดำ บีทรูท พริกไทยดำ และโรสแมร์รี่ ทำให้ได้คอมบูฉะสีแดงธรรมชาติที่ดื่มแล้วเข้ากับเนื้อวากิว
ปิดท้ายด้วยของหวานที่รอบนี้มีเมนูใหม่เป็น “Shimizu Peach” เป็นพีชตามฤดูกาลจากญี่ปุ่นที่เชฟนำมาตุ๋นในจิงเจอร์เบียร์ ก่อนเสิร์ฟพร้อมซอสตะไคร้และมะขาม กับไอศกรีมวานิลลารมควัน จิบคู่กับคอมบูชาหอมข้าวคั่ว เพราะเบสทำมาจากเกนไมฉะ พีช และแอปเปิ้ล
Summer Guestronomic Journey จะเริ่มเสิร์ฟตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะหมดฤดูกาล โดยมีให้เลือกตั้งแต่ Ku-Ki (4 คอร์ส/3,800++ บาท), Chikyu (6 คอร์ส/4,600++ บาท) และ Mizu (8 คอร์ส/5,900++ บาท) โดยสามารถเพิ่มคอมบูชาแพร์ริ่งได้ 1,100++ บาท หรือไวน์แพร์ริ่ง 2,600++ บาท
Elements, inspired by Ciel Bleu เปิดให้รบริการทุกวันพุธ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18:00 น. สอบถามหรือสำรองที่นั่งโทร 02 687 9000 หรืออีเมล elements@okurabangkok.com