[title]
ในซอยเล็กๆ ของกรุงเทพมหานคร เสียงฉายภาพยนตร์ที่เคยดังแว่วมาจากโรงหนังขนาดเล็กกำลังจะเงียบลง Doc Club & Pub หนึ่งในพื้นที่ฉายหนังนอกกระแสและสารคดีคุณภาพ ได้ประกาศปิดให้บริการในส่วนของการฉายภาพยนตร์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 ธันวาคมนี้ (ยังคงจัดกิจกรรมและการบริการส่วนอื่นๆ ต่อ)
เรื่องราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการปิดตัวของโรงหนังเล็กๆ แห่งหนึ่ง แต่สะท้อนให้เห็นถึงอุปสรรคที่ใหญ่กว่านั้นในวงการภาพยนตร์ไทย นั่นคือกฎหมายที่ไม่เอื้อต่อการเติบโตของ ‘micro cinema’ หรือโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก
‘โรงหนังห้องแถว’ คำที่ฟังดูคุ้นหูแต่กลับไม่มีตัวตนในทางกฎหมาย
เพราะพระราชบัญญัติภาพยนตร์และกฎกระทรวงในปัจจุบันกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตตัวอาคารและโรงมหรสพไว้เกณฑ์เดียวกันหมด การจะเปิดโรงหนังเล็กสักแห่งต้องผ่านมาตรฐานเดียวกับโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ ทั้งเรื่องระยะทางเดิน ความกว้างของบันได และข้อกำหนดอื่นๆ อีกมากมาย จึงอาจจะกล่าวได้ว่า เป็นไม่ได้เลยที่จะได้รับอนุญาตการเป็น ‘โรงมหรสพ’
ที่น่าสนใจคือในหลายประเทศ รวมถึงเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม โรงหนังขนาดเล็กไม่ถูกจัดอยู่ในหมวด ‘โรงมหรสพ’ จึงมีข้อกำหนดกฏเกณฑ์ด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมต่อขนาดของอาคารขนาดเล็ก การขออนุญาตเป็นไปตามลักษณะของการประกอบการขนาดย่อมมากกว่า
Doc Club & Pub เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของความพยายามที่จะสร้างพื้นที่วัฒนธรรมการชมภาพยนตร์แบบใหม่ หลังจากรับช่วงต่อจากเจ้าของเดิมที่ปิดตัวลงในช่วงโควิด-19 ด้วยความหวังที่จะรักษาพื้นที่แห่งนี้ไว้ แต่การดำเนินการภายใต้กฎหมายที่ไม่ยืดหยุ่นทำให้ความฝันนั้นต้องสะดุดลง
ทีมงานยังคงพยายามผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย โดยชี้ให้เห็นว่าการมีโรงหนังขนาดเล็กกระจายอยู่ทั่วประเทศจะช่วยสร้างวัฒนธรรมการชมภาพยนตร์ที่หลากหลายและเป็นรากฐานสำคัญของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่แข็งแรง
แม้วันนี้เสียงฉายหนังจาก Doc Club & Pub จะเงียบลง แต่เสียงเรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนกฎหมายยังคงดังก้องต่อไป เพื่อให้ความฝันของการมีพื้นที่ฉายหนังขนาดเล็กได้มีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ในวันที่กฎหมายเอื้อต่อการเติบโตของวัฒนธรรมภาพยนตร์อย่างแท้จริง