[title]
และนี่ก็คือมิวสิคเฟสติวัลครั้งแรกที่กำลังจะเกิดขึ้น ณ Marina Bay Sands ภายใต้ชื่องานสุดเท่ว่า “Where Music Takes Over” ที่จะเริ่มจัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. นี้ และจัดยาวไปอีก 3 สัปดาห์รวด! โดยงานนี้เขาได้ประกาศไฟนอลไลน์อัปมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บอกเลยว่าจุดนี้เตรียดกดบัตรแบบไม่ต้องคิดได้เลย เพราะรายชื่อเฮดไลน์เนอร์คือปังไม่ไหวอย่างที่หลายคนน่าจะรู้ข่าวกันเรียบร้อยแล้ว ทั้ง The Strokes และ The 1975 แต่จริง ๆ แล้วงานนี้ยังมีไลน์อัปสำหรับสายลึกกับวงดนตรีที่หาชมไลฟ์ได้ยากที่ประกาศเพิ่มมาอีกเพียบ ทั้ง J Balvin, David Tao และ Miyavi ซึ่งนอกจากไลน์อัปสุดเท่นี้แล้ว ขึ้นชื่อว่าเป็นมิวสิคเฟสติวัลครั้งแรกที่ได้จัดบน Marina Bay Sands ทั้งที งานนี้เขาเลยเพิ่มความปังเข้าไปอีกกับ “sonic adventure” ที่มีไว้สำหรับโชว์ Live Perfomances อาร์ต ๆ ที่คัดมาสำหรับนักเสพย์ดนตรีสายลึกทุกแขนง ตั้งแต่อิเลกทรอนิคเฮาส์ ไปจนถึงแนวดนตรีเร็กเกสายทดลองก็มีให้เสพย์ตลอดงาน
อย่างที่บอกไปว่างานนี้ไม่ใช่แค่น่าปักหมุดรอชมการแสดงบนเวทีหลักเท่านั้น แต่งานนี้ยังถูกออกแบบให้ผู้ร่วมงานได้เปิดโลกแห่งเทศกาลดนตรีแบบขั้นกว่า ด้วยการเนรมิต Marina Bay Sands ให้กลายเป็นพื้นที่ของประสบการณ์ทางดนตรีใหม่ๆ ที่เราสามารถเต็มอิ่มไปกับทั้งคอนเสิร์ตบนเวทีใหญ่ และเอ็นจอยกับโชว์เคสและปาร์ตี้ที่เกิดขึ้นทั่วทั้งพื้นที่ พร้อมแขกรับเชิญชื่อดังทั่วโลก ที่มีทั้ง A$AP Ferg และ Gryffin โดยมีไฮไลต์อยู่ที่ปาร์ตี้และโชว์พิเศษในบาร์ระดับท็อปของมาริน่าเบย์อย่าง Spago Bar and Lounge และ Marque
-ยึด Marina Bay Sands ด้วยเสียงเพลง-
จุด ๆ นี้ถึงแม้ว่าบัตรเข้าชมการแสดงทั้ง 10 headliners จะขายดีแบบเทกระจาด แต่บอกเลยว่าคนรักเสียงเพลงและคนรักบรรยากาศงานมิวสิคเฟสติวัลทั้งหลาย ควรจองบัตรสำหรับเปิดโลกแห่งดนตรีสำหรับวันอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะยังมีโชว์ที่น่าสนใจจากศิลปินอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น
J Balvin (28 ก.ค.)
ซุปเปอร์สตาร์จากประเทศโคลอมเบียที่เคยได้ครองแชมป์เพลงละตินขายดีที่สุดบนบิลบอร์ดชาร์ตมาแล้ว ซึ่งหลายคนอาจคุ้นหน้า J Balvin อยู่แล้วจากโชว์ในช่วงพักเบรกของงาน Super Bowl ในปี 2022 ที่เขาได้มีโอกาสร่วมแสดงกับ Jennifer Lopez และ Shakira รวมถึงการได้ไปโชว์บนเวทีระดับโลกในเทศกาลดนตรีอย่าง Coachella และ Tomorrowland มาแล้ว นี่ยังไม่รวมถึงรางวัลอีกเป็นโกดังจากการเป็นศิลปินเพลงละติน ไม่บอกก็รู้ว่าโชว์ของพ่อหนุ่มคนนี้น่าจับตามองขนาดไหน
จองบัตรวันงานที่มีโชว์ของ J Balvin ได้ที่นี่
David Tao (16 ก.ค.)
นักร้อง-นักแต่งเพลงแนว R&B ชาวไต้หวัน ผู้ซึ่งกลับมาเยือนสิงคโปร์อีกครั้งพร้อมโชว์พิเศษสำหรับเทศกาลนี้โดยเฉพาะ ซึ่งถ้าให้พูดถึงสไตล์เพลงที่ทำให้ David Tao โด่งดังทะลุประเทศ ก็เห็นจะเป็นกลิ่นอายแบบดนตรีบัลลาดที่อบอวลอยู่ในเพลงฮิตอย่าง “1030 at the Airport” และ “I Love you” รวมถึงการนำแนวเพลง R&B และร็อกมาผสมกันได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ นั่นเอง
จองบัตรวันงานที่มีโชว์ของ David Tao ได้ที่นี่
Miyavi (22 ก.ค.)
เรียกได้ว่าเป็นหนุ่มที่ครบเครื่องที่สุดคนหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวสำหรับ Miyavi เพราะไม่ใช่แค่ผลงานจากพาร์ตศิลปินเดี่ยว ที่ทั้งร้องเอง แต่งเพลง และมีสกิลกีต้าร์ระดับเทพเท่านั้น แต่ผลงานการแสดงของเขาใน “Unbroken” และ “Maleficent 2” รวมถึงเรื่อง “Kate” บน Netflix ก็ถือเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดเกินต้านให้เหล่าแฟนคลับจากทั่วโลกต้องกดจองบัตรไปดูโชว์ที่หาชมยากของเขาในงานนี้กันสักหน่อยแล้วล่ะ
จองบัตรวันงานที่มีโชว์ของ Miyavi ได้ที่นี่
Latinfest 2023! (29 ก.ค.)
อีกหนึ่งความพิเศษและไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาดของเทศกาลดนตรีในครั้งนี้ คือการรวมพลศิลปินแนวเพลงละตินไว้มากที่สุดเพื่อตอกย้ำความฮิตจัด ๆ ของแนวเพลงละตินในช่วงปีที่ผ่านมา โดยจัดเป็น Latinfest 2023! ซึ่งเป็นไลน์อัปพิเศษที่ยกหนึ่งวันเต็ม ๆ ของเทศกาลนี้ให้กับโชว์จากศิลปินละตินเท่านั้น โดยมีตั้งแต่โชว์หาดูยากจากวงดนตรีแจ๊ซลูกผสมกลิ่นอายแถบทะเลคาริบเบียนอย่างวง Afro Asia ไปจนถึงโชว์เดี่ยวเปียโนที่จะทำให้หูผู้ร่วมงานทุกคนเคลือบด้วยทองจาก Hector Infanzón ที่เคยได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Grammy มาแล้ว นอกจากนั้นยังมีโชว์เพลงละตินแนวซัลซ่าฟังเพลินจากวง Ireson Latin Band และ Veronica Barboza ให้ได้ดูในวันงานอีกด้วย หรือถ้าใครว่าง ๆ ก็สามารถไปร่วมคลาสเรียนเต้นละตินที่มีอยู่ในโซนกิจกรรมของงานได้ด้วยนะ
จองบัตรวันงานที่มีโชว์ของ Latinfest 2023! ได้ที่นี่
- สุดยอดเทศกาลดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี -
นอกจากไลน์อัปสุดปังหาชมยากของทั้ง 4 วันที่เราเลือกมาแนะนำแล้ว เฮดไลน์เนอร์ของเทศกาลนี้อย่าง The Strokes ที่มาเยือนสิงคโปร์เป็นครั้งแรกจากการปิดดีลโดยทีม Live Nation Singapore ยังถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ห้ามพลาดของเทศกาลสุดปังในครั้งนี้ และนอกจากนั้นก็ยังมีโชว์จากศิลปินเบอร์ใหญ่ที่เชื่อว่าทุกคนเฝ้ารอชมอย่างแน่นอน อาทิ วงร็อกสัญชาติอังกฤษอย่าง The 1975 , สาวน้อยนักแต่งเพลง Sabrina Carpenter , ศิลปินสุดเท่จากเมลเบิร์น Rini ที่จะแท็กทีมมารันสเตจตลอดเทศกาลทั้ง 3 สัปดาห์
นอกเหนือจากเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อไปเกาะขอบเวทีรอดูโชว์จากศิลปินที่ชอบแล้ว ห้ามพลาดกับปาร์ตี้พิเศษ Shades of Spago ในวันที่ 29 ก.ค. ที่ชวนทุกคนแต่งชุดแดงหรือเบอร์กันดีแล้วมาสนุกกันที่บาร์ไฮเอนด์อย่าง Spago Bar & Lounge
กับโชว์พิเศษจากดีเจชื่อดังของเอเชียอย่าง Patrick Oliver ที่จะมาบรรเลงเซ็ตเพลงสุดจัดจ้านให้แขกได้ฟังพร้อมเมนูพิเศษที่จะเสิร์ฟเฉพาะในบาร์นี้เท่านั้น
และสำหรับสายปาร์ตี้ตัวจริง เราแนะนำให้พุ่งตัวไปซ่ากันต่อในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ที่จะจัดขึ้นที่ Marquee หนึ่งในคลับชื่อดังอันดับหนึ่งแห่ง Marina Bay Sands พร้อมแขกรับเชิญคนพิเศษอย่างดีเจ A$AP Ferg ที่จะมาฟาดเพลงสายอิเลกทรอนิกส์ใส่คนดูกันรัว ๆ ในปาร์ตี้วันที่ 21 ก.ค. ตามมาด้วยดีเจชื่อดังอย่าง Gryffin ในคืนวันที่ 28 ก.ค. และพลาดไม่ได้กับ Silent Disco ปาร์ตี้ไร้เสียงที่จะให้คุณได้ซึมซับห้วงบรรยากาศบนความสูงกว่า 200 เมตรท่ามกลางวิวพระจันทร์เต็มดวงในคืนวันที่ 29 ก.ค. พอดี!
กดจองบัตรด่วน!