[title]
[ไม่มีสปอยล์เนื้อหาภาพยนตร์ Avengers: Infinity War]
หลายๆ คนน่าจะมีโอกาสไปดูภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์แห่งปีอย่าง Avengers: Infinity War กันมาแล้ว (บางคนไปดูหลายรอบแล้วเหอะ) สำหรับแฟนๆ มาร์เวล สิ่งหนึ่งที่รู้กันดีคือการรอชมฉากพืเศษหลัง end credit ซึ่งทำให้เราได้มีโอกาสนั่งดูรายชื่อนักแสดงและทีมงานกันเพลินๆ (ไม่ก็อั้นเข้าห้องน้ำกันสุดๆ) เรื่องน่าดีใจสำหรับ Infinity War ครั้งนี้ก็คือเราได้เห็นชื่อคนไทยถึง 3 คนในทีม Animation คือ บัว-ทิฆัมพร ทีปะปาล, เอ็กซ์-วีรพงศ์ จังสมบัติศิริ และเหลิม-เฉลิมพล วัฒนวงศ์ตระกูล สามอนิเมเตอร์ชาวไทยในทีมเบื้องหลังภาพยนตร์นี้
Time Out Bangkok ขอสัมภาษณ์ทำความรู้จักพี่ๆ ที่สามคนผ่านทางอีเมล เกี่ยวกับเส้นทางการทำงาน การร่วมงานกับแฟรนไชส์ยักษ์ใหญ่ และโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ในอนาคตมาให้แฟนๆ มาร์เวลได้รู้จักกัน

มาเข้าร่วมกับโปรเจ็กต์ Avengers: Infinity War ได้อย่างไร และรับหน้าที่ส่วนไหนบ้าง
เหลิม: ผมอยากทำหนังของมาร์เวลมาตลอด อยากจะมีชื่ออยู่ในนั้น เพราะมันคือความฝันของเราทุกคนก็ว่าได้ ผมก็เลยเอาวิชาความรู้ทั้งหมดทุ่มไปกับการสร้าง demo reel แบบเจาะจงไปในทางที่ใกล้เคียงกับหนังของมาร์เวล เช่นฉากแอ็กชั่นเสมือนจริง ฉากหุ่นยนต์สู้กัน ทำสัดว์ประหลาดให้ดูน่ากลัวๆ จนได้มีโอกาสมาร่วมงานกับบริษัท Framestore หนึ่งในออฟฟิศผู้ผลิตหนังมาร์เวล ในฐานะอนิเมเตอร์ที่รับผิดชอบการเคลื่อนท่าทางแอ็กชั่นต่างๆ ของตัวละคร เช่น Iron Man และ Doctor Strange เป็นต้น รายละเอียดที่ยกตัวอย่างได้ง่ายๆ ก็คือฉากที่นักแสดงจริงหรือสตั้นแมนเล่นได้ยาก เช่น บินบนท้องฟ้า หรือโดนต่อยแล้วลอยไปกระแทกกำแพงแรงๆ จนตึกรามบ้านช่องถล่ม นั่นก็คือหน้าที่ของเราที่จะทำให้ภาพเหล่านั้นดูเสมือนจริงครับ
บัว: ตอนอยู่เมืองไทยผมทำงานชิ้นหนึ่ง ความยาวประมาณ 20 วินาที ที่โพสต์ลงในโซเชียลและกระแสดีมาก มากจนเลยไปเข้าตา animation supervisor ของ Framestore ซึ่งส่งอีเมลชวนมาไปทำงานด้วยกัน โดยโปรเจ็กต์แรกที่ทำคือ King Arthur: Legend of the Sword พอใกล้จบ [ทีมงาน] จะดูผลงานและความถนัดว่าเหมาะจะทำเรื่องไหน ซึ่งผมได้มาทำ Guardians of the Galaxy Vol. 2 ต่อด้วย Thor: Ragnarok จนมาถึง Avengers ซึ่งเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งในสามตัวเลือกที่มีถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเหนื่

เอ็กซ์: Framestore ที่ลอนดอนเป็นหนึ่งในบริษัทที่ผมอยากจะร่วมงานด้วยมากที่สุดตั้งแต่เริ่มทำงานในวงการนี้เลยก็ว่าได้ โดยก่อนหน้าที่จะส่งไปสมัครที่นี่ ผมเตรียมการโดยมีพี่เหลิมเป็นที่ปรึกษา โดยหลังจากทำงานส่วนตัวเสร็จจำนวนหนึ่งบวกกับมีประสบการณ์การทำงานรวมแล้วประมาณ 6 ปี ผมก็ตัดสินใจลองส่ง demo reel ไปสมัคร แต่ไม่สมหวัง หลังจากที่ท้อไปซักพักใหญ่ก็ได้เรียนรู้ว่างานตอนนั้นยังไม่สามารถพาผมไปในบริษัทใหญ่ระดับสากลได้ เลยพยายามตั้งหลักใหม่และทำงานให้ดีกว่าเดิม [เพื่อสมัครอีกครั้ง] หลังจากนั้นราว 4 เดือน ผมก็ได้รับอีเมลจากฝ่ายสรรหาของ Framestore ซึ่งผมทั้งตกใจและดีใจมาก โดยบริษัทได้จัดให้ไปลงโปรเจ็กต์ Thor: Ragnarok เป็นงานชิ้นแรกครับ ช่วงที่โปรเจ็กต์ใกล้จะจบทางบริษัทได้สอบถามพนักงานว่ามีความประสงค์ที่จะทำโปรเจ็กต์อะไรต่อ ผมเลือก Avengers: Infinity War ไปจากสามตัวเลือกที่มีและก็ได้มาเข้าร่วมกับโปรเจ็กต์นี้ครับ โดยหน้าที่ของอนิเมเตอร์ในสาขา visual effects คือการทำภาพเคลื่อนไหวของ CG ตัวละครบางตัวหรือในบางฉากจะเป็น CG ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะนักแสดงไม่สามารถทำท่าทางเหนือมนุษย์เช่นนั้นได้ เช่น ฉากบินของ Iron Man หรือฉาก Spider-Man โหนใย เป็นต้น ตัวละครที่ผมได้รับมอบหมายมีอยู่ราวๆ สามตัว คือ Iron Man, Doctor Strange และลูกสมุนของ Thanos ที่ชื่อ Black Dwarf อีกหนึ่งตัวครับ

ทีมงานในส่วนอนิเมเตอร์ของ Avengers: Infinity War มีกี่คน และต้องปรับตัวอย่างไรบ้าง
เอ็กซ์: ทีมงานอนิเมเตอร์ที่รับผิดชอบโปรเจ็กต์ Avengers ใน Framestore จะมีราวๆ 30 คนครับ สำหรับเรื่องการปรับตัวนี่มีหลายเรื่องอยู่เหมือนกัน อย่างแรกคือเรื่องเทคนิคและระบบการทำงานต่างๆ นั้นค่อนข้างจะต่างกับที่ไทย ผมจึงต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจอยู่พอสมควรในช่วงเริ่มแรก อย่างที่สองคือเรื่องคุณภาพของงานที่เราจะต้องทำให้ถึงมาตรฐานระดับสากล ซึ่งทุกคนที่ทำงานที่นี่เป็นเหมือน all star ที่มาจากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนเก่งอยู่เต็มไปหมด บางครั้งก็ทำให้กดดันตัวเองอยู่บ้างว่าเราต้องตามพวกเขาให้ทัน ต้องพยายามดูและศึกษางานดีๆ ที่คนอื่นทำอยู่ตลอดเวลาทั้งในเวลางานและหลังเลิกงาน อย่างที่สามคือเราต้องรู้ว่าการทำงานอนิเมชั่นให้กับสาขาของ Visual Effects นั้นแตกต่างจากสาขาอื่นอย่างไร ในสาขานี้ต้องการความสมจริงสูงมาก เวลาทำงานอนิเมชั่นต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เช่น ต้องใส่ใจในธรรมชาติและรายละเอียดของการเคลื่อนไหวของร่างกายของคนหรือสัตว์ และปัจจัยของสิ่งแวดล้อมที่สามารถจะกระทบการเคลื่อนไหวของตัวละครได้ เช่น แรงโน้มถ่วง ลม พื้นหญ้า ทุกโจทย์จะมีความยากแตกต่างกันไป เหมือนเราได้ลองท้าทายตัวเองและเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
เหลิม:ช่วงที่ผมเข้ามานั้นเป็นช่วงท้ายๆ ของโปรเจ็กต์ เวลาการทำงานต่างๆ ก็จะเร่งเป็
บัว: การปรับตัวส่วนใหญ่ก็จะเป็นช่

Avengers: Infinity War / Marvel Studios
สิ่งที่ยากหรือท้าทายที่สุดในการทำงานใน Avengers: Infinity War อยู่ที่ตรงไหน
บัว: สิ่งที่ยากที่สุดคือการปรับแก้อยู่ตลอดเวลา แต่เราต้องยอมรับตรงนี้ให้ได้เพราะเราปรับแก้เพื่อให้ได้ choice ที่ดีที่สุดของช็อตๆ นั้น
เอ็กซ์: เรื่องที่ท้าทายที่สุดคงจะเป็นเรื่องของการจบงานให้ได้ในระดับมาตรฐานที่ทางบริษัทต้องการ ทักษะของคนที่นี่ถือว่าสูงมากแต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทำช็อตผ่านกันได้ง่ายๆ งานทุกชิ้นที่ได้รับมามีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา มีบ่อยครั้งที่ชิ้นงานของหลายๆคนยังไม่ถูกใจ supervisor หรือผู้กำกับก็ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ เป็นหลายสิบเวอร์ชั่นก็มีจนกว่าเขาจะให้ผ่าน บางคนทำช็อตเดียวความยาวฉายเพียงไม่กี่วินาทีไม่ผ่านเป็น 4-5 เดือนก็มีครับ
เหลิม: คือการทำความเข้าใจในแต่ละตั

Avengers: Infinity War / Marvel Studios
หลังจากนี้พี่ๆ มีแผนจะทำงานหรือโปรเจ็กต์อะไรบ้างในอนาคต
บัว: ในอนาคตผมมีวางแผนไว้คร่าวๆ ว่
เอ็กซ์: ยังมีอีกหลายโปรเจ็กต์และหลายสตูดิโอชั้นนำของต่างประเทศที่ผมใฝ่ฝันอยากจะเข้าร่วมด้วยครับ และทุกวันนี้ผมก็ยังพยายามพัฒนาตนเองเรื่อยๆ เพื่อการนั้นอยู่ ในอนาคตหลังจากบรรลุเป้าหมายหลายๆ อย่างและเก่งขึ้นมากแล้วผมวางแผนที่จะกลับไทยเพื่อนำประสบการณ์ แง่คิด และองค์ความรู้ที่ผมได้เรียนรู้จากที่นี่ไปแบ่งปันให้กับคนในประเทศไทยครับ
เหลิม: ตอนนี้ผมพยายามศึกษาและตักตวงความรู้ตรงนี้ให้ได้อย่

Avengers: Infinity War / Marvel Studios
อยากฝากข้อแนะนำอะไรให้น้องๆ ที่อยากเป็นอนิเมเตอร์ หรือคนที่อยากร่วมงานโปรเจ็กต์ระดับฮอลลีวู้ดบ้าง
บัว: ถ้ามีความฝันก็ลุยเลย อย่ายอมแพ้ อย่ากลัวที่จะตามล่าความฝัน และค่อยๆ ใช้เวลาศึกษาและลงมือทำ แต่ไม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากเกินไปจนเหนื่อยมาก เพราะจะทำให้ท้อได้ แต่สิ่งสำคัญคืออย่าหยุด เพราะสุดท้ายแล้ววันนั้นจะมาถึงเอง และพอเมื่อวันนั้นมาถึง เราจะกลับมาขอบคุณตัวเองที่ไม่ท้อ และทำตามฝันนั้น อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนไทยทำให้ดูแล้วว่ามันเกิดขึ้นจริง (หัวเราะ)
เหลิม: ก่อนอื่นเราต้องหาข้อมูลนะครับว่าอนิเมเตอร์คืออาชีพในหมวดไหน ทำหน้าที่อะไร สิ่งที่ได้รับเป็นอย่างไร พอเรารู้ว่าสิ่งที่เรากำลังจะทุ่
ผมขอสรุปง่ายๆ ว่า ... (1) ทำให้ตัวเองชอบที่จะทำงานด้านนี้
เอ็กซ์: เรื่องของ passion หรือความหลงใหลในสิ่งที่ทำ อาจจะเป็นเรื่องที่ได้ยินกันบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่ต้องย้ำจริงๆ เพราะถ้าเราไม่มี passion ในสายงานที่เราทำแล้วเราจะต้องฝืนตัวเองอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน เราจะไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างเต็มที่ได้แน่นอนถึงแม้ว่าเราจะเก่งขนาดไหนก็ตาม ในสายงานอนิเมชั่นนั้น ตลอดระยะทางไปยังจุดหมาย เราจะพบว่ามีแต่คนที่มี passion ล้นหลามอยู่เต็มไปหมด หากเราไม่ชอบในสิ่งที่เราทำ เราจะไปสู้กับคนที่หลงใหลในสิ่งที่เขาทำได้อย่างไร ค้นหา passion ของตัวเองให้เจอครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นอนิเมชั่นก็ได้แต่เป็นสิ่งที่เราทำแล้วหลงใหลไปกับมัน เราจะสามารถพัฒนาตัวเองได้มากกว่า
แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องง่ายเพราะว่าเรามี passion นะครับ เรายังต้องเจอกับความยากลำบากที่ทุกคนในสายงานนี้ต้องเจอแน่นอน ทุกคนล้วนต้องผ่านความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แต่ passion นี่เองจะเป็นตัวค้ำจุนให้เราสามารถลุกขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆ และพร้อมที่จะลองท้าทายกับมันอีกที เมื่อเกิด passion เราจะมี persistence หรือความดื้อรั้นที่จะทำต่อ นอกจากสองอย่างนี้แล้ว อีกอย่างที่เราต้องมีคือ patience หรือความอดทนอดกลั้น ความใจเย็น เพราะทุกเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั้นล้วนต้องใช้เวลานาน มีคนกล่าวไว้ว่าการจะได้มาซึ่ง mastery หรือความเชี่ยวชาญในสาขาอาชีพหนึ่งนั้นล้วนใช้เวลาหลายสิบปีหรือชั่วชีวิต ความสำเร็จที่เราเห็นกันบ่อยๆ นั้น จริงๆ แล้วมาจากความมีวินัยและการพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดทีละน้อยๆ ทุกวัน ผ่านความล้มเหลวและลุกขึ้นยืนใหม่หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน รวมกันเป็นทักษะและประสบการณ์ที่เพียงพอที่จะพาเราไปถึงจุดหมาย

Who's who
บัว-ทิฆัมพร ทีปะปาล
เอ็กซ์-วีรพงศ์ จังสมบัติศิริ
เหลิม-เฉลิมพล วัฒนวงศ์ตระกูล