จนถึงตอนนี้ "Drive" เพลงใหม่ และเพลงแรกในฐานะศิลปินอิสระของ วี-วิโอเลต วอเทียร์ น่าจะผ่านหลักหนึ่งล้านวิวไปไกล และยิ่งเรียกว่าไกลมากสำหรับเพลงที่เธอแต่งเอง เพลงแรกที่เป็นภาษาอังกฤษ และเพลงแรกในฐานะศิลปินอิสระ
ถ้าเปรียบชีวิตของวิโอเลตเหมือนถนน 5 ปีที่ผ่านในวงการก็เหมือนถนนลาดยาง หลังจากโด่งดังจากรายการประกวดร้องเพลง The Voice Thailand นักร้องสาวที่มีเสียงเป็นเอกลักษณ์แบบที่ฟังแล้วก็ต้องรู้ว่าเป็นใครผ่านงานที่ได้รับเสียงตอบรับดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นซิงเกิ้ล "Vacation Time" เพลงประกอบภาพยนตร์ ฟรีแลนซ์.. ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ ซึ่งเธอร่วมแสดงและสามารถคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก 4 เวทีใหญ่ มาครอง หรือการร้องเพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ประกอบภาพยนตร์ พรจากฟ้า ...วันนี้วิโอเลตตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนเส้นใหม่ สู่บทบาทใหม่ในฐานะศิลปินอิสระอย่างเต็มตัว ที่ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่าทางข้างหนาจะเป็นอย่างไร แถมยังเลือกมุ่งไปข้างหน้าด้วยเพลงใหม่ที่แต่งเองทั้งหมด และยังเป็นภาษาอังกฤษ แต่ผลตอบรับที่ดีจากซิลเกิลแรกนี้ก็พอจะแสดงให้เห็นว่าถนนเส้นใหม่นี้ดูจะไม่ขรุขระนัก และน่าจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้องที่สาวหน้าเก๋เสียงดีจะเลือกมุ่งไป
ทำไมวีถึงเลือกทำเพลงภาษาอังกฤษ
หลายๆ อย่างเป็น chapter ใหม่ให้เราเนอะ ก็เลยรู้สึกว่าลองทำในสิ่งที่อยากทำดู เวลาแต่งเพลง เราชอบแต่งภาษาอังกฤษมากกว่า รู้สึกว่าลองทำเป็นภาษาอังกฤษดูก็ดีนะ เพราะว่าตอนนี้โลกก็เปิดกว้างมากขึ้น คนก็ฟังเพลงเยอะขึ้น ก็เลยรู้สึกว่าอยากลองทำในสิ่งที่เราถนัด... [นอกจากนั้น] ภาษาไทยแต่งยากกว่าเยอะมาก กว่าจะกลั่นออกมากได้แต่ละเพลง ยากเหลือเกิน (หัวเราะ)
แล้วใช้เวลาแต่ง "Drive" นานไหม
จริงๆ แต่งไม่นานค่ะ แต่งเร็วมาก พอมันเป็นเรื่องที่เล่าจากตัวเรามันเลยเร็ว ไม่ต้องคิดเยอะ อารมณ์ intense จริงๆ มันเลยเล่าออกมาได้... ที่ไปที่มาก็เป็นเรื่องส่วนตัวที่เคยเกิดขึ้น แต่เรื่องราวไม่ได้เป็นเหมือนใน MV หรืออะไรอย่างนั้นนะ (หัวเราะ)
วีอยากให้คนฟังได้อะไรจากเพลงนี้
เราอยากให้คนฟังรู้สึกไปกับเรา มันเป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวใครเลย เรื่องที่ทุกๆ คนน่าจะเคยเจอในความสัมพันธ์หลายๆ รูปแบบของคนรักกัน ถ้าไปฟังดีๆ จะรู้สึกได้ว่า เราไม่เคยรู้เลยว่าปัญหาของคู่นี้คืออะไรกันแน่ เพราะฉะนั้นเรา leave ปัญหานี้ไว้เพื่อจะให้เปิดกว้างให้ทุกคนจะสามารถ relate ได้ บางคนอาจมีเรื่องราวแบบใน MV ก็ได้ บางคนมีปัญหาอื่นๆ ที่มันทำให้ความสัมพันธ์ไปต่อไม่ได้
ถ้าพูดก็เหมือนว่าตอนนี้ถือเป็น chapter ใหม่ของการทำงานในวงการแล้ว เพราะเหตุนี้ทำให้แนวเพลงดูเปลี่ยนไปด้วยไหม
ก็ด้วย เราก็ค่อยๆ โตขึ้นเนอะ เราก็ค่อยๆ หาความเป็นตัวเองขึ้นไปเรื่อยๆ สิ่งนี้ทำให้วีชัดเจนขึ้นว่าวีเป็นใคร วีทำแล้ววีสนุก วีรู้สึกชอบแบบนี้ ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ถ้าได้ติดตามเพลงหลังๆ ก่อนหน้านี้ของวีก็จะเริ่มเห็นแล้วแหละว่าแนวเพลงเริ่มจะมาโทนนี้ เพียงแค่มันยังเป็นภาษาไทยอยู่ พอมาทางนี้ก็เลยปล่อยเต็มไปเลย ไม่กั๊กแล้ว
ถ้าถามว่าเป็นเพลงแนวไหน ก็เพลงป๊อปนะคะ... จริงๆ วีแยกแนวเพลงไม่ออกขนาดนั้นถ้ามันไม่ชัดมากๆ อย่างเพลงนี้ก็รู้สึกว่าเป็นเพลงป๊อป เพราะรู้สึกว่าเป็นเพลงติดหูเพลงหนึ่ง เหมือนดนตรีทุกวันนี้มันผสมกันจนไม่สามารถบอกได้ขนาดนั้นแล้วว่ามันคืออะไร แต่โดยรวมก็รู้สึกว่ายังเป็นแนวป๊อป เป็นป๊อปสมัยใหม่ที่มีซาวน์สังเคราะห์เข้ามาใส่
พูดถึงเอ็มวี มาร่วมงานกับบาส (นัฐวุฒิ พูนพิริยะ - ผู้กำกับ) ได้อย่างไร และวีทำในส่วนไหนบ้าง
วีติดต่อและส่งเพลงไปให้พี่บาสฟัง วีอยากให้พี่บาสทำ MV ให้ เพราะอยากร่วมงานกับพี่บาสมานานแล้ว พี่เขาเก่งมาก แล้วเราเชื่อในรสนิยมเขาด้วย เลยคิดว่าพี่บาสนี่แหละ perfect match สุดแล้วสำหรับ MV ตัวแรกที่จะเป็นเพลงสากล... ส่วนของตัว MV วีไม่ได้ช่วยคิดเลย คือวีคุยกับพี่บาสว่าเรื่องราวของเพลงเป็นอย่างไร พี่บาสก็โอเค เดี๋ยวกลับไปคิดมาพร้อมหนังปล้นชู้รักให้วี ซึ่งก็ อู้ว... โอเค เรารู้สึกชอบเรื่องราวมากตั้งแต่ไอเดียแรกที่พี่บาสเล่า วีซื้อเลยทันที พี่บาสจัดการเลยวีชอบมาก ให้พี่บาสสร้างมนตร์ของเขาขึ้นมา และกลายเป็น MV ขึ้นมาจริงๆ
แล้ววีชอบฉากไหนมากที่สุด และมีฉากไหนตอนถ่ายทำที่ยากเป็นพิเศษไหม
ตอนเห็น footage นะ ฉากที่ประทับใจเป็นพิเศษน่าจะเป็นฉากที่เลือดกระเด็นใส่ตัวเราตอนที่คนข้างๆ ถูกยิง ตอนดูตกใจจริงๆ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น รู้สึกว่าช็อกเหมือนกัน แล้วก็ชอบฉากที่ไปรัดคอสลับกับตัดสร้อย รู้สึกว่า intense มาก รู้สึกว่าขนลุก กลัวตัวเองอะไรแบบนี้ (หัวเราะ)
จริงๆ MV นี้ยากทั้งหมดเลย มันยากด้วยหลายๆ อย่าง ทั้งคิวกล้อง ตัวคน อารมณ์ของการเล่น ถ้าลงในเรื่องของการแสดง เหมือนเราต้องเล่นหนังไปด้วยต้องร้องเพลงไปด้วยในเวลาเดียวกัน แล้วเราจะทำยังไงให้เพลงและหนังเป็นสิ่งเดียวกัน แล้วต้องหาจุด balance เหมือนกัน
ตอนนี้เป็นศิลปินอิสระแล้ว การทำงานแตกต่างจากเดิมมากไหม และวีมองว่าอะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในฐานะศิลปินอิสระ
แตกต่างกันค่ะ ตอนนี้งานเราเยอะขึ้นกว่าเดิมเยอะ เมื่อก่อนอยู่ค่ายก็จะมีคนทำนู่นทำนี่ให้ ตอนนี้เราต้องจัดการตัวเองประมาณหนึ่งเหมือนกันในสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า อ่าว... สิ่งนี้ก็มีด้วย มันก็ต้องมาเรียนรู้กันไป แต่มันก็สนุกดีนะคะ
สิ่งที่ยากคือการตัดสินใจ รู้สึกว่าหลายๆ ครั้งเรามีคนช่วยคิด เหมือนเราสามารถถามได้ว่าอันไหนดี ตอนนี้เราถามได้ก็จริง แต่ไม่มีผล ไม่มีน้ำหนักการตัดสินใจเหมือนตอนอยู่กับค่าย การคุมงบหรือโน่นนี่นั่นก็มีคนช่วยตัดสินใจ เรา work on จากสิ่งที่หลายๆ คนช่วยตัดสินใจ แต่อันนี้เราต้องตัดสินใจเอง แบบ... เอาไงดีวะ (หัวเราะ)
แล้วเราจะมีโอกาสเห็นซิงเกิ้ลใหม่ หรืออัลบั้มของวีเร็วๆ นี้ไหม
ตอนนี้กำลังทำอัลบั้มค่ะ เพลงนี้จะเป็นเพลงแรกของอัลบั้มที่กำลังจะปล่อย เดี๋ยวต้องติดตามดูว่าเป็นยังไง ถ้าฟังเพลงแรกแล้วก็น่าจะพอเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอัลบั้มนี้ ซึ่งกำหนดออกประมาณปลายๆ ปี
งานเยอะแบบนี้แบ่งเวลายังไงบ้าง
งานหลังบ้านเยอะขึ้น ถามว่ามีเวลาไหม มีนะ เพราะเราพยายาม balance ทุกอย่างให้พอดีๆ แต่สิ่งที่ไม่มีคือเวลาพัก (หัวเราะ) แค่นั้นแหละค่ะ แต่เวลานอนมี (หัวเราะ) ... เวลาว่างก็ดูหนัง แค่รู้สึกว่าอยากเปื่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไรเหมือนกัน แต่มันหยุดคิดไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะมีวันว่าง เราก็คิดนู่นคิดนี่ ทำนู่นทำนี่ ก็เลยเหมือนไม่มีเวลาพักอยู่ดี
แสดงว่าถ้าอยู่ดีๆ มีอารมณ์เขียนเพลง ก็เขียนเลย
เขียนเลย จดไว้เดี๋ยวลืม... แต่พอออกมาทำเอง มันก็หาเวลา creative ยากเหมือนกันนะ มีเรื่องความเป็น business มากขึ้นที่เราต้องมาทำเอง มันก็เลยดูดพลังเยอะเหมือนกัน ความ creative ก็เลยอาจจะลดลงมา แต่ถ้าเริ่มทำทุกอย่างเข้าที่มากขึ้น วีคิดว่าวีคงมีแรงทำอะไรต่างๆ มากขึ้น เหมือนตอนนี้มันยังใหม่อยู่ด้วยแหละ
สุดท้ายแล้วมีอะไรฝากแฟนๆ หน่อยไหม
ฝากค่ะ ฝากเลย (หัวเราะ) ฝากซื้อเพลง ฝากดู MV ฝากแชร์ ถ้าอัลบั้มออกมาเมื่อไหร่ก็อยากให้อุดหนุนกัน วีว่าถ้าใครได้ฟังเพลงวี แล้วได้ดูงานที่วีทำมา ก็น่าจะรู้ว่าวีตั้งใจมาก อยากให้ทุกคนได้มามีส่วนร่วมกับเพลงพวกนี้ของวี วีให้ทั้งหมดจริงๆ แล้ววีก็รักงานของตัวเองมาก อยากให้ทุกคนชอบแบบวีด้วย