นอกเหนือจากเพลงเพราะและความน่ารักของสาวๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้มิวสิควิดีโอเพลง "Kimi wa Melody เธอคือ...เมโลดี้" ซิงเกิ้ลล่าสุดของ BNK48 เป็นที่พูดถึงกันนอกจักรวาลโอตะก็คือคอสตูมสีพาสเทลสดใสของสาวๆ ที่มีชื่อว่าชุด Siam Lolita ที่ผสมผสานความน่ารักของ BNK48 เข้ากับแรงบันดาลใจจากพัสตราภรณ์ของคนชนชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ 5 อย่างลงตัว
คอสตูม Siam Lolita ชุดนี้เป็นผลงานการออกแบบให้กับ BNK48 อย่างเต็มตัวครั้งแรกของ บอล-จาตุรณ แร่เพชร หลังจากที่ดูแลเฉพาะการตัดเย็บและการสไตลิงชุดให้กับ BNK48 มาตั้งแต่ซิงเกิลแรก แถมยังเคยเป็นหนึ่งในทีมร่วมทำเสื้อผ้าให้กับละครเวที สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล และ ซูสีไทเฮา เดอะมิวสิคัล รวมไปถึงสองสาวดีวา นิว-จิ๋ว ประวัติแน่นแบบนี้ เราเลยอยากชวนคุณไปรู้จักเขาให้มากขึ้นกัน
การพบกันระหว่างชุดไทยและความเป็นไอดอล
เนื่องจากเสื้อผ้าในเวอร์ชั่น AKB48 เป็นการนำชุดกิโมโนมาดัดแปลงให้ร่วมสมัย บอลจึงไม่รอช้าที่จะใส่ไอเดียของตัวเองลงไปในผลงานโบว์แดงชิ้นนี้ด้วย "โจทย์ที่บอลได้รับมันไม่ใช่การทำชุดไทยให้กับบุคคลทั่วไปหรือศิลปินที่ใส่สวยงาม น้องมีวัยของน้อง มีความเป็น BNK มีความเป็นไอดอล เพราะฉะนั้นบอลก็เลยมองว่าสิ่งที่จะเอามาปรับได้ก็คือ [เสื้อผ้า]ช่วงสมัยของรัชกาลที่ 5 มีความร่วมสมัยที่เราปรับตัวเองให้เข้ากับความเป็นสากล เพราะฉะนั้นก็น่าจะหาจุดเชื่อมสำหรับความเป็นไอดอลของน้องๆ ได้ค่อนข้างง่ายครับ ก็เลยมาสู่คอนเซ็ปต์ Siam Lolita" บอลอธิบายถึงความสอดคล้องระหว่างชุดโลลิต้าของญี่ปุ่นที่ใช้โครงชุดแบบยุควิคตอเรียน ซึ่งชนชั้นสูงของไทยก็นำโครงเสื้อแบบเดียวกันมาใช้
ก่อนที่จะออกมาเป็นผลงานที่ทุกคนเห็นนี้ บอลยังเล่าถึงความท้าทายในการสร้างสรรค์ชุดให้ออกมาเข้ากับสาวๆ BNK48 โดยเฉพาะการนำพัสตราภรณ์ของชนชั้นสูงในสมัยรัชกาลที่ 5 มาประยุกต์อย่างไรให้ยังคงความเป็นไทยและมีความสดใสสไตล์ BNK ถือว่ามีความยากและเป็นที่จับตามองเป็นอย่างมาก "จริงๆ เสื้อผ้าในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็ไม่ได้เป็นไทยทั้งหมด 100% มันถูกประยุกต์มาแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เห็นถึงความเป็นไทยก็คือ เราต้องเอากลิ่นโครงสร้างหรือความเป็นเส้นสายที่แสดงถึงความเป็นไทยไว้ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายไทยประยุกต์หรือลักษณะของการประดับแพรสะพายและเข็มกลัดอะไรแบบนี้ ซึ่งมันเป็นสไตล์ที่คนไทยกำหนดขึ้น" บอลอธิบาย
เรื่องราวของตุ๊กตากระดาษ
ความชื่นชอบในวัยเด็กเป็นอีกส่วนสำคัญที่จุดประกายไอเดียของบอล จนเกิดเป็นผลงานในคอนเซ็ปต์ Siam Lolita ที่บอลภูมิใจ ซึ่งเขาก็ได้เล่าถึงแรงบันดาลในการออกแบบเสื้อผ้าจากโรลโมเดลที่ตัวเองชื่นชอบอย่าง Eiko Ishioka คอสตูมดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่น ผู้เคยฝากผลงานกับภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย เช่น Bram Stoker's Dracula (ได้รับรางวัลออสการ์สาขาเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม), Immortals และ Mirror Mirror
"เขาเป็นดีไซน์เนอร์มหัศจรรย์มากเลยนะ ด้วยความที่เขาเป็นดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่น เม็ดสีเขาจะแบบเป็นอนิเมะมาก กับสองคือชอบความกระดาษของนางทุกอย่าง ด้วยความที่เขาเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์มาก่อนที่จะมาทำเสื้อผ้า นางเลยมองทุกอย่างที่เป็นสามมิติเป็นสองมิติหมดเลย ทุกอย่างจะแบน ถูกจัดวางเหมือนหนังสือการ์ตูน แล้วนางทำผ้ายังไงไม่รู้ ผ้านางจะเหมือนกระดาษหมดเลย ซึ่งเราชอบ" บอลเล่า
บอลยังจับเอาของเล่นในวัยเด็กอย่างตุ๊กตากระดาษมาเป็นแรงบันดาลใจเสริมในการออกแบบครั้งนี้ด้วย เพราะความเป็น Siam Lolita ที่ทุกคนเห็นจะมีความตุ๊กตา ความหวาน ความการ์ตูน เล่นกับวอลลุ่ม ความฟูของแขนเสื้อที่มีความเป็นตุ๊กตากระดาษแข็งๆ (รวมไปถึงของประกอบอย่างหมวกหรือเครื่องหัวที่ทำจากกระดาษ) เพื่อตัดความหวานมากๆ ซึ่งนี่เองคือความตั้งใจที่บอลต้องการจะสื่อออกมา "ตอนแรกวางน้องๆ ไว้เป็นตุ๊กตากระดาษสมัยเราเล่นกันเด็กๆ โครงสร้างมันจะมีความแข็งนิดนึงเพราะว่าสีมันค่อนข้างจะเลี่ยนมาก สีเหมือนขนมเลยล่ะ เพราะฉะนั้นเส้นบางอย่างมันจะทั้งคมและชัด เพื่อตัดเลี่ยน ให้น้องๆ ดูเป็นตุ๊กตากระดาษ ซึ่งหลายคนถ้าไม่เข้าใจ ก็ไม่เข้าใจเลย ถามว่ามีไม่ชอบไหม ...ก็มี" บอลเล่า
รายละเอียดสไตล์ไทยๆ
การออกแบบทั้งหมดของบอลมีมากถึง 21 ชุด โดยเปลี่ยนสี ลายผ้า โครงสร้างให้เหมาะสมกับน้องแต่ละคน เน้นแบ่งออกเป็นโทนร้อนและโทนเย็นให้กับ BNK48 รุ่นแรกและรุ่นสองเหมือนตัวมิวสิควิดีโอที่ต้องการให้รุ่นพี่ส่งมอบความทรงจำให้แก่รุ่นน้อง โดยรุ่นพี่จะเป็นชุดโทนเย็น เช่น สีฟ้า และสีม่วง ซึ่งบอลเชื่อว่าเป็นสีที่ไม่แก่อย่างที่หลายคนกังวล และสีม่วงยังเป็นสีที่นิยมเฉพาะในคนชั้นสูง เพราะในอดีตนั้นย้อมด้วยกระบวนการทางธรรมชาติได้ยาก
แน่นอนว่าชุดที่ยากที่สุดก็คือ เนย เซ็นเตอร์ของเพลงที่ต้องดูโดดเด่น และชุดต้องมีรายละเอียดค่อนข้างมาก ในขณะที่เนยค่อนข้างตัวเล็ก โดยบอลได้เลือกใช้สีมิ้นต์ตัดกับสีเหลืองแทนซึ่งเป็นคู่สีที่แตกต่างจากคนอื่น "อยากให้เขาเด่น แต่ว่าเราไม่อยากได้โทนสีที่มันน่าเบื่อ เช่น สีชมพูหรืออะไรที่เราจะลงกับตัวเซ็นเตอร์ตลอด ซึ่งเราก็ไม่ชอบ เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันเลี่ยนหมดแล้ว แต่เราไม่สามารถปฏิเสธความเลี่ยนเหล่านั้นได้ เพราะมันคือซิกเนเจอร์ของน้องๆ" บอลเล่าถึงขั้นตอนการทำงานที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนหลายครั้ง ทั้งการลดคู่สี การจับคู่แพรประดับ เข็มกลัด และรายละเอียดอื่นๆ จนได้ออกมาเป็นชุดที่เห็นในมิวสิควิดีโอ
"ถ้าคุณเป็นแฟนของวัฒนธรรมไอดอลจริงๆ คุณจะรู้ว่าความเป็น maximum เหล่านี้มันคือลายเซ็นต์ของเขา ซึ่งเราก็พยายามจะเอาไว้ ซึ่งบางคนจะบอกว่าทำไมน้องๆ ไม่แต่งตัวให้มันเรียบหรูหรือดูดีกว่านี้ แต่จริงๆ แล้วเราลืมมองกลับไปหรือเปล่าว่าความเป็นไทยที่แท้จริงคือความวุ่นวายมากเลยนะ คนไทยเป็นเจ้าเลเยอร์ เจ้าประโคม ทุกอย่างคือเจ้าดีเทล" บอลอธิบายถึงการห่มสไบทับหลายๆ ชั้น หรือการติดเข็มกลัดเพื่อแสดงถึงความร่ำรวยที่สามารถไปซื้อสินค้าจากเรือสำเภาตะวันตกได้
แรงบันดาลใจในการทำงาน
ข้อมูลและแรงบันดาลใจของ Siam Lolita นั้นมีมาจากหลายแหล่ง ตั้งแต่การหาข้อมูลสมัยร่วมทำงานกับทีมเสื้อผ้าในละครเวทีเรื่อง สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล ไปจนถึงหนังสือจากหอสมุดแห่งชาติ และหอจดหมายเหตุฯ ก่อนนำข้อมูลและภาพมารวบรวมและเรียบเรียงออกมาเป็นไอเดียเสียใหม่ "บอลอินกับยุคนี้ด้วย ชอบความเปรี้ยว เก๋มาก อันแรกที่เราทำแล้วประทับใจในยุคนี้มากคือ แขนหมูแฮมลายทาง ซึ่งเราเห็นแล้วรู้สึกว่าเปรี้ยวจังเลย แล้วคาดด้วยลูกไม้ โคตรเท่เลยอ่ะ แล้วในใส่ถุงน่องสีเทาๆ แล้วนั่งถ่ายรูปแบบเนี้ย สวยมาก" บอลเล่า
การดูหนังเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทำให้บอลเกิดไอเดียในการออกแบบเสื้อผ้า (ถึงแม้หนังโปรดของเขาจริงๆ จะเป็นหนังเอเชียประเภท โปเยโปโลเย เสียมากกว่า) "ถ้าเป็นหนังของเอเชีย บอลชอบ In the Mood for Love ถ้าเป็นหนังเชิงสร้างสรรค์จะชอบอยู่ 2 เรื่องคือ Immortals ที่เป็นชุดกรีกโครงสร้างเหล็กดัด อีกอันหนึ่งคือ Star Wars จำได้ว่าหาหนังสือคอสตูมเป็นบ้าเป็นหลังเลย มันรวมคอสตูมทั้งหมดเลย ซึ่งในยุคนั้นทุกคนแหวกกับสไตล์การแต่งตัวแบบนี้มาก" บอลเล่า อีกเรื่องที่บอลชอบไม่แพ้กันคือ Anna Karenina ซึ่งนางเอกสามารถสวมใส่เสื้อผ้าสมัยใหม่ได้ดูวินเทจ และเข้ากับตัวละครอื่นๆ ในเรื่องได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อนำเสนอความแปลกแยกของตัวละครเอกจากสังคมได้อย่างลงตัว
ด้วยความที่บอลชื่นชอบความประดักประเดิด ความฟุ้ง และความเป็นการ์ตูน บอลรู้สึกว่าชุดไทยก็มีความเป็นอนิเมะได้เหมือนกัน และเขาก็อยากนำเสนอว่าจริงๆ แล้วชุดไทยสามารถจับต้องได้และมันมีความเป็นไปได้ที่จะออกแบบให้เป็นมากกว่าชุดไทยอย่างที่เราคุ้นเคย "ความเป็นอะนิเมะมันฟรีมากเลย เทพกรีกก็ทำเป็นของญี่ปุ่นได้หมดเลย กิโมโนก็มาใส่เป็นกระโปรงบาน นั่นคือการทำให้วัฒนธรรมเขามันอยู่ไง มันถูกเอามาใช้และถูกพูดถึงตลอด" บอลเสริมถึงความตั้งใจที่อยากให้ชุด Siam Lolita เป็นการเบิกทางทิศทางแฟชั่นไทยในอนาคต "บ้านเขาจะมีทั้งเชิงอนุรักษ์ และเชิงทำให้มันไปข้างหน้าด้วยความร่วมสมัย แต่บ้านเราชอบพูดถึงในเรื่องของการอนุกรักษ์อย่างเดียว ซึ่งเราก็เลยมองว่าทำไมไม่พูดถึงรูปแบบไหนที่ทำให้มันไปต่อข้างหน้าได้บ้าง"
เขียนโดย โสภิดา รอดสม และบุสบา ขันซ้อน