ถึงคุณจะไม่ใช่สาววาย หรือคุณรู้สึกว่าชีวิตคุณอยู่ห่างจากวัฒนธรรมวายมากเหลือเกิน ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะไม่เห็นหรือได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับซีรีส์วายของ GMMTV ที่ชื่อ เพราะเราคู่กัน นำแสดงโดยนัดแสดงวัยรุ่น ไบรท์-วชิรวิชญ์ ชีวอารี และ วิน-เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร ผ่านหูผ่านตาในช่วงคนไทยค่อนประเทศกักตัวอยู่บ้านในเดือนที่ผ่านมา
วัฒนธรรมวาย ซึ่งย่อมาจากภาษาญี่ปุ่นว่า yaoi (เรียก boy’s love ในภาษาอังกฤษ) ซึ่งเล่าความสัมพันธ์อุดมคติระหว่างชาย-ชายข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาถึงไทยได้เกินสิบปีแล้ว และถูกความเปิดกว้างของสังคมไทยอุ้มชูให้ค่อยๆ คืบคลานเข้าสู่สื่อกระแสหลักอย่างละครและซีรีส์ได้กว่า 5-6 ปีแล้ว มีกลุ่มแฟนคลับที่เหนียวแน่น และค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ

LINE TV เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มดิจิทัลหลักสำหรับการบริโภคซีรีส์วายในปัจจุบัน ด้วยความที่เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแรกๆ ที่เริ่มเผยแพร่ซีรีส์วายในปี 2016 กับเรื่อง Make it Right: เมื่อรักออกเดิน ซึ่งเป็นการรีรันหลังจากการฉายผ่านช่อง MCOT
ถ้านับถึงปัจจุบัน LINE TV เผยแพร่ซีรีส์วายไปแล้วทั้งหมด 33 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นการนำเอาซีรีส์จากผู้ผลิตที่เป็นพาร์ตเนอร์ต่างๆ เช่น GMMTV, MandeeWork และ Studio Wabi Sabi มาฉายซ้ำ 29 เรื่อง และเป็น LINE TV Originals ที่ทาง LINE TV ร่วมผลิตด้วย 4 เรื่อง
แต่ไม่มีช่วงไหนเลยที่กระแสซีรีส์วายจะโด่งดังเป็นที่นิยมและถูกพูดถึงในวงกว้างมากเท่าช่วงกักตัวเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา จุดกระแสโดย เพราะเราคู่กัน: 2gether the series จาก GMMTV ที่เพิ่งจบไปและโด่งดังเป็นพลุแตกทั้งในไทยและในต่างประเทศ เรียกว่าแฮชแท็ก #คั่นกู #2gethertheseries จะขึ้นอันดับหนึ่ง Twitter Trend ทั่วโลกในทุกวันศุกร์ที่ซีรีส์ออกฉาย
คุณกณพ ศุภมานพ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจคอนเทนต์ LINE ประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับเราว่าแค่ในไตรมาสแรกที่ผ่านมา ความนิยมของคอนเทนต์ประเภทซีรีส์วายพุ่งกระโดดไปถึง 20% ของผู้ชมทั้งหมดบน LINE TV เพิ่มขึ้นกว่า 34% จากยอดผู้ชม 5% ในปี 2019 และนอกจากจำนวนผู้ชมจะเพิ่มมากขึ้น ระยะเวลาที่รับชมคอนเทนต์วายก็เพิ่มขึ้นกว่า 45% จากค่าเฉลี่ย

จากสถิติของ LINE TV ผู้หญิงอายุระหว่าง 18-25 ปี ยังคงเป็นกลุ่มหลักที่ติดตามคอนเทนต์วาย ทว่าคุณกณพบอกเราว่ากลุ่มที่น่าสนใจที่เติบโตตือกลุ่มผู้ใหญ่อายุเกิน 65 ปี ซึ่งเขาวิเคราะห์ว่าน่าจะเกิดจากได้รู้จักคอนเทนต์วายจากการแนะนำของลูกหลานที่อยู่บ้านมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และลองหาคอนเทนต์ดูเองในภายหลัง
การที่สาววายจำนวนมากเลือกที่จะชมคอนเทนต์วายผ่าน LINE TV นั้น คุณกณพบอกว่าเพราะหนึ่ง - มีความเป็นส่วนตัว และสอง - พฤติกรรม missing out is my option ที่คนในปัจจุบันมีแนวโน้มเลือกชมคอนเทนต์ในช่วงเวลาที่ตนเองสะดวกมากกว่าช่วงที่ช่องหลักกำหนดมากขึ้น
ความนิยมของ เพราะเราคู่กัน ยังทำให้ซีรีส์วายเรื่องอื่นๆ ที่เคยฉายและจบไปแล้วบน LINE TV มีผู้ชมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล เช่น EN of Love รักวุ่นๆ ของหนุ่มๆ วิศวะ มียอดการเข้าชมเพิ่มขึ้นถึง 300%

ความดังของซีรีส์และนักแสดงวายยังทำให้ยอดขาย merchandise อื่นๆ พุ่งทยานแบบหยุดไม่อยู่ เช่น LINE Melody และ LINE Sticker ของสองนักแสดงนำก็ขายดีทุบทุกสถิติ
กระแสของซีรีส์วายแรงถึงขนาดที่คุณกณพ เอ่ยปากว่าซีรีส์วายไม่ใช่แค่คอนเทนต์กระแสรองอีกต่อไป แต่กำลังพัฒนากลายเป็นคอนเทนต์ระดับ “แมส” อย่างเต็มตัว
ในเดือนที่เหลือของปี 2020 นอกจากจะเผยแพร่ซีรีส์จากพาร์ตเนอร์ LINE TV จะลงทุนกับค่ายนาดาว สร้าง LINE TV Original เรื่องเดียวของปีนี้ นำแสดงโดยนักแสดงวัยรุ่น บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล และ พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร โดยเลื่อนกำหนดฉายจากเดิมกลางปีไปเป็นปลายไตรมาสที่ 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4
การลงทุนผลิต Original Content นี้ถือว่าเป็นเทรนด์สำคัญของสตรีมมิงแพลตฟอร์มทั่วโลกในปัจจุบัน เช่น HBO มี Game of Thrones และ Westworld, Netflix มี House of Cards และ The Crown หรือ เคว้ง ซึ่งเป็น Netflix Thai Original เรื่องแรกและเรื่องเดียวจนถึงปัจจุบัน

คุณกณพยอมรับว่าแม้ตัวเลขผู้รับชมที่ก้าวกระโดดอาจจะเป็นเพราะคนไม่มีอะไรทำในช่วงกักตัว แต่เขาเชื่อมั่นว่าอย่างน้อยผู้ชมได้ลอง “เปิดรับ” และ “รู้จัก” คอนเทนต์ประเภทนี้แล้ว และเขาเชื่อว่าคนจำนวนมากจะยินดีเปิดรับคอนเทนต์เหล่านี้ต่อไปในอนาคต
แล้วคุณล่ะ ได้ลองดูบ้างหรือยัง?
_
ติดตาม Time Out บน Facebook เพื่อไม่พลาดข่าวสารล่าสุด