ชวนดู 5 หนังสื่อมวลชนที่สะท้อนพลังของสื่อที่มีเสรีภาพ

Netflix Original Film ที่ดัดแปลงมาจากนิยายชื่อเดียวกันของ Joan Didion นักเขียนชื่อดังชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นการถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานติดตามข่าวในประเทศนิคารากัวของเธอ โดยเล่าเรื่องราวช่วงที่พรรคการเมืองของสหรัฐอเมริกากำลังหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเข้มข้น ในปี ค.ศ.1984  Elena (Anne Hathaway) เป็นนักข่าวสาวได้รับมอบหมายให้ติดตามข่าวการเลือกตั้ง แต่การนำเสนอข่าวของเธอและเพื่อนกลับเป็นการนำเสนอปัญหาที่ถูกปิดไว้ของฝ่ายที่กำลังเป็นที่นิยม และนำไปสู่การสืบค้นและเปิดโปงรัฐบาล

The Last Thing He Wanted กำกับโดย Dee Rees ผู้กำกับที่เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Mudbound (2017) และนอกเหนือจาก Anne Hathaway แล้ว ยังมีนักแสดงชื่อดังอีกหลายคนมาร่วมประชันบทบาท อาทิ Ben Affleck, Rosie Perez, และ Willem Dafoe

หนังดราม่าอิงประวัติศาสตร์การเปิดโปงรัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงต้นยุค 60s ว่าด้วยเรื่องราวของ Katharine Graham (Meryl Streep) ผู้บริหารหญิงคนแรกแห่งสำนักพิมพ์เจ้าของ The Washington Post และ Ben Bradlee (Tom Hanks) บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ฯ ที่ตัดสินใจวางแผนตีพิมพ์ เอกสารลับเพนตากอน (Pentagon Papers) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ปกปิดมานานกว่า 30 ปี เกี่ยวกับปฏิบัติการ การแทรกแซง และภารกิจต่างๆ ในสงครามเวียดนามซึ่งถือเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งการตีพิมพ์เอกสารชุดนี้พวกเขาต้องเอาหน้าที่การงานและอิสรภาพเข้าเสี่ยง

นอกจากประเด็นการใช้อำนาจคุกคามสื่อของรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว The Post ยังสะท้อนภาพความยากลำบากของผู้หญิงในสังคมอเมริกันยุคนั้น ผ่านตัวละคร Katharine Graham ที่ต้องเข้ามารับตำแหน่งสำคัญแทนสามีที่เสียชีวิต และต้องเผชิญกับการดูถูกความสามารถจากเหล่าผู้บริหารชาย The Post กำกับและอำนวยการสร้างโดย Steven Spielberg หนังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 สาขา และรางวัลลูกโลกทองคำ 6 สาขา

เรื่องราวของการเปิดโปงวงการสงฆ์ของสหรัฐฯ ผ่านคอลัมน์ Spotlight ในหนังสือพิมพ์ The Boston Globe เมื่อปี ค.ศ. 2002 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากข่าวบาทหลวงรูปหนึ่งในเมืองบอสตัน ที่โดนกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศลูกศิษย์ประจำโบสถ์ที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะกว่า 10 คน ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา แต่เมื่อทีมข่าวสืบค้นลึกลงไป พวกเขาก็ได้พบว่าการกลบเกลื่อนและปกปิดข่าวฉาวของสำนักบาทหลวงคาทอลิกบอสตันนั้นมีการวางแผนอย่างเป็นระบบและทรงอิทธิพลอย่างมาก แต่พวกเขาก็ตัดสินใจตีพิมพ์เรื่องราวทั้งหมดและกลายเป็นข่าวใหญ่ที่นำไปสู่การเปิดโปงกรณีล่วงละเมิดทางเพศที่เกี่ยวข้องกับผู้นำทางศาสนาอีกกว่า 200 เมืองทั่วโลก และรายงานข่าวดังกล่าวก็ชนะรางวัลพูลิตเซอร์ไพรซ์ สาขาข่าวสืบสวนยอดเยี่ยม

Spotlight กำกับโดย Tom McCarthy นำแสดงโดย Mark Ruffalo, Michael Keaton, Rachel McAdams, Liev Schreiber และหนังสามารถคว้ารางวัลออสการ์ 2016 มาครองได้ถึง 2 สาขา ได้แก่ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

เรื่องนี้ดัดแปลงจากหนังสือชื่อ Dark Alliance ของ Gary Webb ที่เขียนเล่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับเขา โดย Kill the Messenger ว่าด้วยเรื่องจริงของ Gary Webb (Jeremy Renner) นักข่าวรางวัลพูลิตเซอร์ ชาวอเมริกัน ที่ค้นพบเบาะแสของการขนส่งโคเคนเข้าอเมริกาล็อตใหญ่โดยมี CIA ให้ความช่วยเหลือ แลกกับส่วนแบ่งเป็นเงินก้อนโตที่ประธานาธิบดี Richard Nixon ต้องการนำไปใช้สนับสนุนกลุ่มกบฏแบ่งแยกดินแดนในนิการากัว

การท้าทายอำนาจมืดของรัฐบาลในครั้งนี้ ทำให้หนังสือพิมพ์ที่เขาทำงานอยู่กดดันให้เขาถอยออกมา เพราะข่าวที่เขาเขียนไม่มีหลักฐานหรือพยานมาสนับสนุน แต่ภายหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้ออกมายอมรับเรื่องดังกล่าว Kill the Messenger กำกับโดย Michael Cuesta และนำแสดงโดย Jeremy Renner ร่วมด้วยทีมนักแสดงคุณภาพ อาทิ Mary Elizabeth Winstead, Paz Vega, Michael Sheen และ Robert Patrick

หนังที่สร้างจากเรื่องจริงของ Julian Assange เจ้าของเว็บไซต์ WikiLeaks หนึ่งในบริษัทที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดจากการที่ถูกปัญหาเรื่องการเมืองและการคอร์รัปชันโจมตี โดยเรื่องราวเริ่มจาก Julian Assange (Benedict Cumberbatch) และ Daniel Berg (Daniel Brühl) เพื่อนร่วมงานของเขา แอบสืบข้อมูลลับขององค์กรสำคัญจากใต้ดินและเผยแพร่ข้อมูลผ่านเว็บไซต์ WikiLeaks จนไปกระทบกับความลับสำคัญของทางสหรัฐฯ และถูกฟ้องร้องถึงขั้นถูกกดดันให้ปิดตัวเว็บไซต์ลง ตามมาด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเกี่ยวกับราคาที่ต้องจ่ายแลกกับการเปิดโปงความลับของรัฐ

The Fifth Estate กำกับโดย Bill Condon และร่วมถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักแสดงมากฝีมืออย่าง Benedict Cumberbatch, Daniel Brühl, Stanley Tucci, Carice van Houten, Anthony Mackie และ Laura Linney