ย้อนไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว เราได้รู้จัก มีน - พีรวิชยญ์ อรรถชิตสถาพร ในฐานะเจ้าของตำแหน่ง The Most Vibrant & Shining Guy จากการประกวด 50 หนุ่มโสดในฝัน คลีโอ ปี 2017 ก่อนจะขึ้นแท่นเป็นขวัญใจสาววายทั้งประเทศจากการรับบท ‘ติณณ์’ ในซีรีส์วายเรื่อง Love By Chance บังเอิญรัก เดอะซีรีส์ ในปีถัดมา และกำลังจะทำให้เราหลงรักมากขึ้นในปีนี้กับการรับบท ‘ไลท์’ เดลิเวอรี่แมน ในซีรีส์เรื่อง My Bubble Tea หวานน้อยรัก 100% ผลงานล่าสุดที่เขาได้ร่วมงานกับ พรอย - มนสภรณ์ ชาญเฉลิม หรือ พรอยมน ซึ่งกำลังออนแอร์ทางช่องวัน 31 อยู่ในขณะนี้
“ผมรับบทเป็น ไลท์ เดลิเวอรี่แมนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ส่งทั้งคนและสิ่งของ แล้วเขาเป็นคนที่มีความเชื่อว่า คนเราชอบมองกันที่หน้าตา ถ้าเราหน้าตาดีทุกคนก็จะให้คุณค่าหรือทำดีด้วย ซึ่งตัวเขาไม่ต้องการแบบนั้น เลยพยายามปิดบังหน้าตาตัวเองอยู่ตลอด ซึ่งคาร์แร็กเตอร์นี้ต่างจากตัวผมอยู่เหมือนกัน เพราะไลท์เป็นตัวละครที่คิดอะไรแล้วทำเลย แต่ผมเป็นคนที่ชอบคิดอะไรที่ซับซ้อนกว่า” มีน พูดถึงบทบาทล่าสุดของตัวเอง ก่อนจะอัปเดตเรื่องส่วนตัวที่น่าสนใจไม่แพ้การทำงานในวงการ

เราเชื่อว่า ผู้ชายสายแฟ (ชั่น) หลายคน ยกให้มีนเป็นไอดอลด้านการแต่งตัว วัดได้จากยอดวิวในรายการ Meantroxesual บนยูทูบ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากความสนใจด้านแฟชั่น การแต่งตัว และชอบดูแลตัวเองมากๆ ของเขาเอง โดยชื่อรายการมาจากคำว่า metrosexual ที่หมายถึงผู้ชายที่ชอบดูแลตัวเอง แล้วมีนก็เปลี่ยนคำหน้าเป็นชื่อตัวเอง
“ผมเชื่อว่าแฟชั่นเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กับโลก และเป็นวัฒนธรรมหนึ่งที่ใหญ่มากๆ มันพูดไปถึงเรื่องการขยายอาณาเขต ผู้นำ ผู้ตามในสังคมได้เลย” มีน พูดถึงมุมมองที่มีต่อแฟชั่น ซึ่งเขาเชื่อว่ามีอิทธิพลกับชีวิตทั้งในด้านบุคลิกภาพและการทำงานของเขา
“ถ้าพูดแบบใกล้ตัว ผมว่าแฟชั่นก็เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนชีวิตเราได้เช่นกัน อย่างวันนี้ผมอยากเป็นคนแบบไหน ผมก็จะแต่งตัวแบบนั้น ซึ่งผมใช้วิธีนี้กับการทำงานด้วย อย่างตอนได้รับบทเป็นคนจริงจัง ช่วงนั้นผมก็จะแต่งตัวเนี้ยบขึ้นกว่าปกติในชีวิตจริง มันช่วยให้เราเข้าถึงบทบาทได้มากขึ้น”

ถ้าใครเป็นหนึ่งในผู้ติดตามจำนวน 1.6 ล้านคน บนอินสตาแกรม @m34nismind ของมีน ก็จะเห็นว่านอกจากแฟชั่นแล้ว สิ่งหนึ่งที่เขาดูจะอินมากๆ ก็คือเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งมีนถือว่าเป็นการพักผ่อนรูปแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นต่อให้ต้องไปเที่ยวคนเดียวก็ไม่มีปัญหา
“หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าผมเป็นคนชอบไปเที่ยวพักผ่อน เพราะอย่างที่เห็นกันว่าผมทำงานบ่อยมาก จนอาจไม่มีเวลาไปพัก แต่ส่วนใหญ่ภายใน 1-2 เดือน ผมต้องออกไปรีเฟรชตัวเอง จะได้มีแรงกลับมาทำงานต่อ เลยต้องใช้คำว่า ‘แอบ’ ไปเที่ยวแล้วกัน เพราะบางทีเราก็ไปคนเดียวแบบไม่บอกใคร หรืออาจไปกับเพื่อน กับครอบครัวบ้าง หรือถ้ามีเวลาหลายวันก็อาจไปต่างประเทศที่ไม่ไกลมาก”


ปีนี้มีนอายุ 22 ปี และเพิ่งเรียนจบ แต่สิ่งหนึ่งที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขามากที่สุดคือเรื่อง ‘อายุ’ เพราะคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเขาอายุ 24 - 25 ปี แต่เราว่าเรื่องนั้นไม่ได้สำคัญอะไร เพราะหลายเรื่องที่มีนทำ รวมถึงการตั้งเป้าหมายในชีวิต มาไกลเกินกว่าอายุ 22 ตั้งนานแล้ว
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตสำหรับผมคือเรื่องความมั่นคงครับ เพราะผมเป็นคนที่มีการวางแผนถึงอนาคตว่าอยากใช้ชีวิตแบบไหน อีกอย่างการมีความมั่นคงก็ทำให้เราสบายใจด้วย ซึ่งแผนที่ว่าก็จะเปลี่ยนไปตามช่วงวัย อย่างก่อนหน้านี้ตอน 18-20 ปี ก็อาจมีความคิดอีกแบบ แต่ตอนนี้ที่ผมอายุ 22 ปี ผมอยากมีบ้านใหม่ให้ครอบครัวก่อนอายุ 25 ปีครับ”
จากที่เห็นมีนในวันนี้ เราเชื่อว่าสิ่งที่เขาพูดจะเป็นจริงและไม่แน่อาจจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่เขาตั้งเป้าไว้ก็ได้