10 เรื่องน่าชมบน Netflix สำหรับเทศกาลคริสต์มาสนี้

ภาพยนตร์เบาสมอง น่ารัก อมยิ้ม จาก Netflix Original เรื่องราวเกี่ยวกับสองพี่น้องที่ตั้งใจจะถ่ายวิดีโอตอนซานตา คลอส มา แต่เมื่อได้เจอกับซานตา คลอส ตัวเป็นๆ พวกเขาก็ได้ทำให้เกิดความวุ่นวายด้วยความพยายามที่จะแอบขึ้นรถเลื่อนซานตา คลอส จนทำให้รถพังและของหล่นไปทั่วเมือง พวกเขาจึงต้องร่วมมือกันกับซานตา คลอส กอบกู้คริสต์มาสครั้งนี้

เคล้าส์ (Klaus) อนิเมชั่นจาก Netflix Original ที่ตีความเรื่องราวของวันคริสต์มาสและ ซานตา คลอส ที่ทุกคนรู้จักในรูปแบบใหม่ แม้ว่าภาพยนตร์จะปล่อยมาให้ชมตั้งแต่ปี 2019 แต่เราเชื่อว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้ยังคงสร้างความอบอุ่นและทำให้ทุกคนอินกับเทศกาลคริสมาสตร์กันมากขึ้นได้แน่นอน

เรื่องราวเริ่มต้นจาก แจสเปอร์ คนส่งไปรษณีย์ที่ใช้ชีวิตติดหรูและไม่ได้เรื่อง เขาจึงถูกส่งมายังขั่วโลกพร้อมภารกิจต้องนำส่งจดหมายได้ 6,000 ฉบับ ภายในหนึ่งปี ทว่าเมืองที่เขามาอยู่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด (สักนิด) เพราะงานอดิเรกของชาวเมืองที่นี่คือการตีกันระหว่างสองตระกูล แต่เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ และกลับไปใช้ชีวิตคนเมืองเช่นเดิม ทำให้เขาสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อให้เด็กๆ เชื่อว่า จดหมาย ที่พวกเขาเขียนจะถูกส่งไปถึงซานต้าคลอส

ภาพยนต์สุดน่ารักที่เป็นอีกภาคต่อจากเรื่อง Angela's Christmas (2017) ในภาคนี้กลับมาด้วยเรื่องของเด็กหญิง แองเจลล่า กับพี่ชาย ที่พยายามพาพ่อของพวกเธอ ผู้ซึ่งออกเดินทางไปออสเตรเลียเมื่อ 2 ปีก่อนกลับมา เพื่อให้ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้งในวันคริสมาสตร์ปีนี้

แองเจลล่าเริ่มวางแผนหาวิธีเซอร์ไพรส์แม่ ด้วยการนำพ่อของเธอกลับมาให้ได้ โดยทำตั้งแต่หาไอเดียต่างๆ เพื่อระดมทุนไปใช้ในการเดินทาง หรือหากองทัพเสริมมาช่วยสร้างแผนการครั้งนี้ให้สำเร็จ ซึ่งเรื่องราวดำเนินไปอย่างอบอุ่นและน่าประทับใจ เหมาะกับบรรยากาศครอบครัวในวันคริสมาสตร์

เจ้าสัตว์ประหลาดสีเขียวจากหนังสือเด็กของ Dr. Seuss ถูกแปลงเป็นภาพยนตร์แนวแฟนตาซี-คอมเมดี้ เวอร์ชั่นคนแสดง โดยในหนังภาคนี้ก็ได้นักแสดงอย่าง จิม แคร์รี่ (Jim Carrey) มาเป็นผู้รับบทสัตว์ประหลาดตัวเขียว

เรื่องราวเกิดในหมู่บ้าน Whoville ที่เจ้ากรินช์เติบโตขึ้นมา ทว่าเขากลับมีความหลังฝังใจในวันคริสมาสตร์ ทำให้กรินช์เกลียดและหนีไปใช้ชีวิตคนเดียวในที่ห่างไกล จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาเกิดแผนการอยากทำลายวันคริสมาสตร์ที่ทุกคนในเมืองนี้รักทิ้งซะ สุดท้านกรินช์จะมีแผนการอย่างไร และเอาคืนคนที่ทำให้เขาเจ็บปวดกับวันคริสมาสตร์ได้สาสมแค่ไหน ต้องลองไปชมอีกหนึ่งภาพยนตร์คริสมาสตร์สุดคลาสสิคเรื่องนี้กันดู

อีกหนึ่งภาพยนตร์ภาคต่อ ซึ่งหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องราว 2 ปีต่อจาก The Princess Switch (2018) ที่เป็นการสลับตัวกันครั้งแรกของเจ้าหญิงมาร์กาเร็ต และ สเตซี่ อันเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทั้งความรักและมิตรภาพของตัวละคร

แต่กลับมาในภาคนี้ นอกจากเป็นการอัปเดตชีวิตของตัวละครแล้ว กลับเกิดเรื่องขึ้นให้พวกเขาต้องสลับร่างปลอมบทบาทกันอีกครั้ง เมื่อเจ้าหญิงมาร์กาเร็ตที่เตรียมขึ้นบัลลังก์กำลังมีเวลาให้คนรักของเธอน้อยลง ไม่เพียงเท่านี้ ในภาคนี้ยังมีตัวละครใหม่เพิ่มเข้ามา ทำให้การสลับร่างในครั้งนี้ไม่ธรรมดาขึ้นไปอีก เพราะจะมีตัวละครหน้าเหมือนกันถึง 3 คน!

มินิซีรีส์เนื้อเรื่องสไตล์ความรักวัยรุ่นน่าลุ้นหัวใจ สร้างอิงขึ้นจากหนังสือขายดีของ New York Times ชื่อเรื่อง Dash & Lily’s Book of Dares โดยเป็นเรื่องราวของ 2 ตัวละครที่ท้ากันเล่นเกมไปมาผ่าน 'สมุดสีแดง' ซึ่งทั้งสองคนไม่มีใครรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร และการจะรู้จักอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นได้ก็ต้องรับคำท้านั้นเสียก่อน เหมือนการเล่นเกม True or Dare

ตัวละครหลักทั้งสองอย่าง แดช (Dash) และ ลิลี่ (Lily) มีคาร์แร็กเตอร์เหมือนในหนังรักวัยรุ่นอเมริกันที่เราเห็นได้บ่อยๆ ทว่าความเก๋ของเรื่องนี้คือการได้เห็นตัวละครค่อยๆ ตกหลุมรักกันผ่านตัวหนังสือ โดยที่ทั้งสองมีมุมมองต่อวันคริสมาสตร์แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

การผจญภัยสุดเร้าใจจากหนังสือเด็กในชื่อเดียวกันอันเป็นที่รักของทุกคน ซึ่งเขียนโดย คริส แวน ออลส์เบิร์ก (Chris Van Allsburg) ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเกี่ยวกับเด็กชายผู้มีความสงสัยและคิดว่าซานตา คลอสไม่น่าจะมีอยู่จริง และวันคริสต์มาสก็เป็นเพียงวันหยุดน่าสนุกสนานเพียงวันหนึ่งเท่านั้น

จนกระทั่งในคืนก่อนวันคริสต์มาส รถไฟขบวนหนึ่งก็วิ่งมาจอดหน้าบ้านเขา และเขาก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟขบวนพิเศษนี้ไปยังขั้วโลกเหนือ เพื่อออกเดินทางค้นหาซานตา คลอสให้พบด้วยตัวเอง เราเชื่อว่ามีหลายคนที่เคยดูหนังเรื่องนี้แล้ว และยังคงอยากกลับไปดูซ้ำทุกครั้งในเทศกาลคริสมาสตร์

จะมีหนังประเภทไหนเข้ากับวันคริสมาตร์ดีไปกว่าหนังรักพล็อตสุดคลาสสิค อย่างเช่นพระเอกหลงยุคข้ามเวลามาโผล่ในยุคสมัยปัจจุบัน และได้เจอกับนางเอกที่ต้องคอยช่วยเหลือเขาอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะจะเป็นภาพยนตร์สูตรสำเร็จ แต่กลับดูแล้วเบาหัวใจเหมาะกับเทศกาลพิเศษๆ ไม่น้อย

เรื่องนี้พระเอกของเราเป็นถึง อัศวิน แต่กลับถูกหญิงชราปริศนาส่งมาทำภารกิจไกลถึงโลกยุคปัจจุบัน เรื่องนี้จึงเต็มไปด้วยความน่ารักเมื่อได้เห็นอัศวินยุคโบราณตื่นตาตื่นใจ และพยายามใช้ชีวิตกับเทคโนโลยีปัจจุบัน ส่วนตอนจบต้องไปลุ้นกันเองว่าเขาจะเลือกกลับไปทำหน้าที่อัศวินพร้อมความรักระยะไกล หรือเลือกจะอยู่กับคนรักในยุคไฮเทค

ภาพยนตร์เรื่อง A Christmas Prince ดูเหมือนจะถูกใจใครหลายคนไม่น้อย จนส่งเรื่องต่อกันมาให้ชมถึง 3 ภาคต่อด้วยกัน โดยภาคนี้ก็เป็นเนื้อเรื่องบทที่ 3 หลังจาก เจ้าชายริชาร์ด แห่งอัลโดเวีย ได้พบรักกับนักข่าวสาว แอมเบอร์ ก่อนทั้งสองจะแต่งงานกันในภาคต่อมา (The Royal Wedding: 2018) และตอนนี้ก็เป็นเรื่องราวล่าสุด เมื่อราชวงศ์อัลโดเวียกำลังจะมีทายาทคนแรก

ในหนังภาคนี้ก็ยังคงมีเรื่องราวชวนติดตามสไตล์ราชวงศ์เช่นเดิม ตั้งแต่คำสาปโบราณ สนธิสัญญาศักดิ์สิทธิ์ (ซึ่งหายไป!) และโจรที่แฝงตัวอยู่ในวัง ใครเป็นแฟนหนังของเรื่องนี้ตั้งแต่ภาคแรกในปี 2017 เชื่อว่าก็จะไม่พลาดชมเรื่องนี้อีกแน่นอน

เหตุเกิดในเมืองพอตเตอร์สวิลล์ที่กำลังอยู่ในช่วงตกต่ำอย่างแรง เศรษฐกิจของเมืองกำลังตกสะเก็ดจนหลายคนในเมืองต้องตกงาน ร้านค้าต่างๆ ก็เลิกกิจการหรือลดราคาจนไม่มีกำไร แต่ยังมีเจ้าของร้านชำจิตใจดีอย่าง เมย์นาร์ด กรีเจอร์ (Michael Shannon) ที่พร้อมช่วยเหลือทุกคนที่เดือดร้อนหากมันไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเขา จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เมย์นาร์ดเมาสุดๆ แต่งตัวเป็นลิงยักษ์ออกไปเพ่นพ่านทั่วเมืองโดยไม่รู้ตัว และมีคนเข้าใจว่านั่นคือ ‘บิ๊กฟุต’ เกิดความแตกตื่นไปทั้งเมือง นำไปสู่จุดเปลี่ยนที่ทำให้เมืองเล็กๆ อันแร้นแค้นกลายเป็นจุดสนใจของสื่อและนักท่องเที่ยว เมย์นาร์ดจึงต้องตกที่นั่งลำบากว่าจะบอกความจริงออกไปดีหรือไม่...