7 หนังสยองขวัญต้อนรับฮาโลวีน 2021

หนังสยองขวัญไล่เชือดที่สร้างจากนิยายสยองขวัญขายดีของ R.L.Stine นักเขียนชาวอเมริกัน (คนเดียวกับที่เขียน Goosebumps) พาเราย้อนกลับไปยุค 80-90 ว่าด้วยเรื่องราวของฆาตรกรต่อเนื่องในเมืองเชดี้ไซด์ ภาคแรกจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในถนนสายหนึ่งในเมืองเชดี้ไซด์ ปี 1994 สร้างความสงสัย (และสยอง) มากมายให้คนดู ก่อนจะไปเฉลยในภาค 2  ซึ่งย้อนกลับไปในปี 1978 เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน Camp Nightwing ย้ายจากเมืองมาสู่ค่ายนักเรียนไฮสคูลกลางป่า สร้างบรรยายากาศเสียวสันหลังได้ดีขึ้น ปิดท้ายด้วยเรื่องราวที่เป็นต้นตอของฝันร้ายของชาวเมืองเชดี้ไซด์ในภาค 3 ที่เล่าย้อนกลับไปในปี 1666 กับเรื่องราวการล่าแม่มด มนตร์ดำ คำสาปที่จะทำให้คนดูขนหัวลุก

ความเฮี้ยนบทใหม่จากจักรวาล Conjuring ที่ใช้ชื่อว่า ‘The Devil Made Me Do It’ หยิบเรื่องราวจากแฟ้มคดีของ เอ็ดและลอร์เรน วอร์เรน คู่สามีภรรยานักสืบสวนเรื่องราวเหนือธรรมชาติ มาถ่ายทอด โดยเป็นคดีสะเทือนขวัญที่ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรกว่า “ฆาตกรทำไปเพราะถูกผีสิง”

วีร่า ฟาร์ไมก้า และ แพทริค วิลสัน ยังกลับมาทำหน้าที่นักแสดงนำในบทของ ลอร์เรนและเอ็ด วอร์เร็น เหมือนเดิม ร่วมกับนักแสดงอื่นๆ อาทิ รูอิรี่ โอ’คอนนอร์, ซาร่าห์ แคทเธอรีน ฮุค และจูเลียน ฮิลเลียร์ด ภายใต้การกำกับฯ ของ ไมเคิล ชาเวส (The Curse of La Llorona คำสาปมรณะจากหญิงร่ำไห้) และอำนวยการสร้างฯ โดยเจมส์ วาน และ ปีเตอร์ ซาฟราน ที่การันตีฝีมือด้วยผลงานในจักรวาล Conjuring ทุกเรื่อง

หนังสยองขวัญไล่เชือดจากโปแลนด์ที่มีองค์ประกอบเป็นวัยรุ่น ป่า และฆาตรกร เล่า มีให้ดู 2 ภาค บนเน็ตฟลิกซ์ เล่าเรื่องราวของวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ไปเข้าค่าย social detox กลางป่าลึก และเจอกับฆาตรกรที่มาในรูปแบบกึ่งคนกึ่งเอเลี่ยนกับวิธีการฆ่าที่โหดแบบไม่ปราณีคนดูและหลายๆ ฉากก็มาแบบไม่ให้ตั้งตัวกันเลย

การเล่าเรื่องในภาคแรกเป็นไปตามสูตรหนังสยองขวัญแนวไล่เชือด แต่ในภาคที่ 2 (ช่วงท้ายๆ) หนังมีการล้อเลียนหนังสยองขวัญด้วยกันเอง ซึ่งเราชอบเพราะนอกจากจะเป็นการเบรกอารมณ์จากความสยองแล้ว ในส่วนนี้หนังยังชวนเราตั้งคำถามถึงความดีความชั่วบนโลกมนุษย์และมีการสอดแทรกประเด็นการอยู่ร่วมกันในสังคมเข้ามาในสัดส่วนที่กำลังดี

เรื่องราวของ โบล และ ริอัล คู่สามีภรรยาผิวสีที่ลี้ภัยสงครามกลางเมืองในซูดานมาอยู่ในเมืองเล็กๆ ของอังกฤษและสูญเสียสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่งไประหว่างทาง และนั่นก็เป็นบาดแผลในใจที่คอยตามหลอกหลอนทั้งคู่ ทั้งยังต้องเจอกับแรงกดดันจากทั้งสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ผลักให้พวกเขาเป็นคนแปลกแยกและถ้าไม่ผ่านการประเมินจากรัฐบาลอังกฤษ พวกเขาก็จะต้องกลับไปที่ซูดาน

ความสยองของ His House คือ ‘ผีอดีต’ ที่คอยไล่ตามไปทุกที่ ทุกเวลา และปรากฎได้ในหลายรูปแบบที่สร้างความหวาดกลัวได้ต่างกัน บรรยากาศขจองหนังจึงอัดแน่นไปด้วยความลึกลับ ชวนสงสัย ไม่น่าไว้ใจ ถ้าชอบแนวนี้ คืนนี้เชิญที่เน็ตฟลิกซ์ได้เลย

การย้ายเข้าบ้านหลังใหม่น่าจะเป็นเรื่องดีๆ และทุกคนในบ้านก็น่าจะมีความสุข แต่ในหนังสยองขวัญหลายๆ เรื่อง นี่คือจุดเริ่มต้นของความสยอง หนังเกาหลีใต้เรื่องนี้ก็เช่นกัน Metamorphosis เล่าเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่ง หลังจากย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ได้ไม่นาน คนในครอบครัวก็เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ ทีละคนและเริ่มหนักขึ้นทุกวัน จนพวกเขารู้ว่ามันคือปีศาจที่เปลี่ยนหน้าเป็นคนในครอบครัว ผู้เป็นพ่อต้องขอให้น้องชายซึ่งเป็นบาทหลวงมาช่วยปราบปีศาจ แต่จะสำเร็จหรือไม่ต้องไปดูบนเน็ตฟลิกซ์

หลังจาก The Boy ภาคแรกที่ฉายเมื่อปี 2016 ประสบความสำเร็จและกลายเป็นหนังสยองขวัญหักมุมที่คนจำได้อีกหนึ่งเรื่อง ผู้กำกับ วิลเลี่ยม เบรนท์ เบลล์ ก็สานต่อความสยองใน Brahms : The Boy II เล่าเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่ย้ายบ้านหนีอดีตที่กัดกินพวกเขาและเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ฮีลเชียร์ (บ้านของบราหมส์นั่นเอง) แล้วลูกชายของบ้านนี้ก็ได้พบกับตุ๊กตาบราหมส์และกลายเป็นเพื่อนกัน โดยบราหมส์คอยบงการให้เขาทำเรื่องขนหัวลุก

สยองไปกับเรื่องราวของมนตร์ดำและพิธีกรรมชวนขนหัวลุกของกลุ่มคนผิวสีในพื้นที่อันห่างไกล โดยมีตัวละครผู้โชคร้ายเป็นพ่อ แม่ และลูกอีก 2 คนที่ประสบอุบัติเครื่องบินส่วนตัวตก ขณะเดินทางไปร่วมงานศพปู่

มาร์คีส์ ผู้เป็นพ่อ รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมอาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุและพบว่าตัวเองในห้องใต้หลังคาแห่งหนึ่งเพียงลำพัง โดยมีหญิงแก่ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านคอยดูแลและจับตาดูไม่ให้ออกไปไหนและปิดบังเรื่องคนในครอบครัวของเขา เพราะเธอกำลังเตรียมทำพิธีกรรมบางอย่างในคืนพระจันทร์สีเลือดที่กำลังจะมาถึง