หากจะมองอย่างผิวเผิน คนส่วนใหญ่คงรู้จักคำว่า ‘วาย หรือ 'สาววาย' ในฐานะผู้หญิงหรือคนกลุ่มหนึ่งที่ชื่นชอบเวลาเห็นผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกัน ทั้งในโลกความเป็นจริงและโลกจำลอง ทว่าแท้จริงแล้วในวงการนี้มีอะไรซับซ้อนและลึกซึ้งกว่าที่ทุกคนเคยรู้ และอาจเป็นอีกสังคมย่อยๆ หนึ่งที่ทุกคนอาจไม่ทันสังเกตว่าเริ่มมีตัวตนและมีอิทธิพลในสังคมมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
วาย (Y) ย่อมาจากคำว่า Yaoi (ยา-โอย) ที่เป็นศัพท์ภาษาญี่ปุ่นซึ่งหมายถึง ชายรักชาย คนไทยนิยมใช้คำนี้จำกัดความหลายๆ สิ่ง (เช่น นิยาย, ฟิคชั่น, ภาพยนตร์, ซีรีส์, การ์ตูน) ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายที่ชอบเพศเดียวกันหรือ เกย์ แต่ในความจริงแล้วคำว่า วาย ไม่ได้หมายถึงเพียงชายรักชายอย่างที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะในคำนี้ยังหมายรวมถึง Yuri (ยู-ริ) ที่เป็นกลุ่ม หญิงรักหญิง อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจเหมือนกันที่กลุ่มซึ่งแทบไม่ต่างกันมากกับ Yaoi กลุ่มนี้ ยังไม่ได้รับความสนใจมากเท่าวงการชายรักชาย
"เราอยู่ในวงการนี้มา 10 ปีแล้ว ก็ตั้งคำถามกับตัวเองตลอดว่าทำไม Yuri ไม่ได้รับความนิยมเท่า Yaoi สักที หนังที่เล่าถึงหญิงรักหญิงแทบหายไปจากวงการ หลังจากเรื่อง Yes or No อยากรักก็รักเลย (ฉายเมื่อปี 2010) ก็แทบไม่เห็นเรื่องไหนอีกที่สร้างกระแสได้เท่าเรื่องนั้น อาจเพราะผู้ผลิตมองว่าเป็นกลุ่มที่ไม่น่าลงทุน ทั้งที่จริงแล้วคนกลุ่มนี้พร้อมสนับสนุน พวกเราแค่กำลังรอเนื้อหาดีๆ อยู่ อีกอย่างการพูดว่าอยากผลักดัน LGBTQ+ ก็สามารถเล่าผ่านมุมอื่นได้อีกมากมาย ไม่จำเป็นต้องพูดถึงตัว G (เกย์) แค่ตัวเดียว" กระบุง - นรมน กัลญาณมิตร นักเขียนนิยายแนว Yuri ผู้มีผลงานเรื่องสั้น-ยาวรวมกันกว่าร้อยเรื่องเล่าถึงวงการ Yuri ให้เราฟัง
กระบุงเล่าต่อว่าการอยู่วงการนี้มาเกินทศวรรษ ทำให้เธอเห็นการเปลี่ยนแปลงของวงการ Y จากที่อยู่ใต้ดินก็เริ่มเป็นที่สนใจบนสื่อหลักมากขึ้น ซึ่งเราก็เห็นด้วยเช่นกันว่า หลายครั้งวงการนี้ก็ถูกหยิบมาใช้สร้างกระแสเพื่อดึงความสนใจได้ดี โดยเฉพาะการพูดถึงชายรักชาย
แต่แม้จะรวมอยู่ในหมวด Y เหมือนกันแต่ Yaoi และ Yuri กลับมีสารที่ต้องการสื่อที่แตกต่างกัน กระบุงตั้งข้อสังเกตว่านิยาย Yaoi ผู้ผลิตส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง ในขณะที่นิยายแนว Yuri มีผู้เขียนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มหญิงรักหญิง วิธีเล่าเรื่องจึงสะท้อนมุมมองของคนชอบเพศเดียวกันที่อาจลึกซึ้งหรือเข้าใจรสนิยมนี้มากกว่า
"แต่ก่อนก็อ่านนิยายชายหญิงทั่วไป ก่อนเริ่มมาอ่าน Yaoi แต่พอได้ลองอ่าน Yuri ก็รู้สึกอินมากกว่า เพราะส่วนตัวชอบความเฟมินีนด้วย ซึ่งนิยายชายรักชายบางเรื่องจะมีบรรยากาศแข็งๆ แบบผู้ชาย แต่พอเป็นแนว Yuri ทั้งตัวละครและเนื้อเรื่องจะมีความอ่อนโยน อ่อนหวาน และนักเขียนบางคนใช้ภาษาดีมาก หรือในเชิงสังคมก็จะมีความเท่าเทียม ไม่มีฝ่ายใดกดขี่อีกฝ่ายเหมือนนิยายชายหญิง"
มิ้ลค์ - ณัฐณิชา เปรมเดชา นักอ่านที่อยู่ในวงการ Y มานานกว่า 10 ปี บอกเช่นกันว่า ปัจจุบันสื่อเกี่ยวกับ Y ค่อนข้างเฟื่องฟูมาก จากการมีผู้ผลิตคอนเทนต์ในตลาดนี้เพิ่มขึ้น ทว่าแม้จะมีคนรู้จักวงการนี้มากกว่าแต่ก่อน Yuri ก็ยังไม่ได้รับความนิยมเท่า Yaoi อยู่ดี
ส่วนใหญ่แล้วคำว่า ฟิคชั่น จะหมายถึง นิยาย ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรักเพศเดียวกัน ซึ่งความจริงแล้วสองคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่ โดยคำว่า ฟิคชั่น จะหมายถึง นิยายที่อิงคาร์แร็กเตอร์ตัวละครมาจากเรื่องจริง หรือใช้คำว่า ยืมอิมเมจ (มาจาก ดารา ศิลปิน นักร้อง หรือตัวละครในการ์ตูน เป็นต้น) ซึ่งเรียกว่าเป็นนิยายอีกรูปแบบหนึ่งก็ไม่ผิด แต่หากเป็น นิยายวาย ส่วนใหญ่จะหมายถึง เรื่องที่คนเขียนสร้างคาร์แร็กเตอร์ตัวละครขึ้นมาเองทั้งหมดเสียมากกว่า
“นิยายเป็นตัวแทนเล็กๆ ที่ช่วยนำเสนอความสัมพันธ์ของ กลุ่มหญิงรักหญิง แต่ละเรื่องมีเล่าถึงสังคมภายนอกในหลายมุมมอง ไม่ใช่แค่เรื่องครอบครัว แต่ยังมีเรื่องเพื่อนและอื่นๆ อีก มันทำให้เราตั้งคำถามด้วยว่า การรักเพศเดียวกันมันผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ผิดเลยที่เราจะชอบใครสักคน แค่อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงเหมือนกันเท่านั้นเอง”
มาย - สุทธิดา สวนพันธ์ ก็เป็นอีกคนที่มาเล่าอีกมุมมองของการเป็นผู้หญิงที่ชื่นชอบ Yuri โดยคุณมายบอกอีกว่า การได้อ่านนิยายแนวนี้ไม่ได้ให้เพียงความบันเทิงอย่างที่หลายคนคิดกัน เพราะในฐานะคนที่มีรสนิยมเป็นเลสเบี้ยนแล้ว สิ่งเหล่านี้ทำให้เธอกล้ายอมรับตัวเอง และได้เติบโตทางความคิดมากขึ้นด้วย
“ตั้งแต่เริ่มอ่าน Yuri รู้สึกเหมือนเราได้เพื่อนที่เข้าอกเข้าใจกัน เราได้รับหลายอย่างจากการอ่านไม่ต่างจากหนังสือทั่วไป อีกอย่างมันทำให้เรากล้ายอมรับตัวเองมากขึ้นด้วยว่าชอบผู้หญิง และสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องผิด”
เช่นเดียวกับคุณมิลค์ ที่รู้สึกว่าการได้อ่านนิยายคือโลกอีกใบที่เป็นคอมฟอร์ทโซน เพราะเธอยังไม่เคยบอกครอบครัวว่าตัวเองมีรสนิยมชอบทั้งผู้ชายและผู้หญิง
Y(uri)
เป็นวงการที่แคบ แต่อบอุ่น เยอะ แต่ก็น้อยในคราวเดียวกัน
คุณกระบุงอธิบายคำพูดด้านบนให้เราฟังว่า เนื่องจากคนที่เสพผลงานแนวนี้ค่อนข้างน้อยหากเทียบกับกลุ่มอื่น ทำให้หลายๆ คนรู้จักกันทั้งนักเขียนและนักอ่าน จึงรู้สึกว่าวงการนี้อบอุ่น เพราะทุกคนพูดคุยกันและแบ่งปันเรื่องราวดีๆ กันเสมอ และหากเทียบจำนวนผลงานกับแฟนคลับก็ถือว่ามีสัดส่วนที่เยอะ ทว่าหากนับจากโลกภายนอกหรือบนสื่อหลัก กลับไม่เห็นบทบาทของ Yuri ในภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือสื่ออื่นๆ เหมือนวงการ Yaoi เลย
“เมื่อก่อนนิยาย Yuri จะค่อนข้างแฟนตาซี และส่วนใหญ่ก็เพื่อตอบสนองความต้องการของคนบางกลุ่มที่อยากเห็นผู้หญิงสวยๆ น่ารักๆ อยู่ด้วยกันเท่านั้น ซึ่งตอนนี้สังคม Yuri ได้ข้ามจุดนั้นมาไกลมากแล้ว มันไม่ได้ตอบสนองรสนิยมของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่มันเป็นการสื่อสารว่ามีคนกลุ่มนี้อยู่ในสังคม และนี่คือชีวิตของคนกลุ่มหนึ่งที่มีตัวตนจริงๆ”
ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกใจที่สื่อแนว Yuri ไม่ได้รับความนิยมมากเท่า Yaoi ทั้งที่สองสิ่งนี้มีความคล้ายกันจนแทบเหมือน ต่างกันเพียงเพศสภาพของตัวละครเท่านั้น ส่วนกลุ่มคนอ่านก็เป็นเพศหญิงส่วนใหญ่เหมือนๆ กัน และมีนักเขียน-นักอ่านผู้ชายอยู่บ้าง อีกทั้งนิยายแนวนี้ก็เข้าถึงง่ายกว่าเมื่อก่อน เพราะสามารถหาอ่านได้ทั้งบนเว็บไซต์ อีบุ๊ก หรือแอปพลิเคชั่นนิยาย อย่างเช่น Dek-D, Readawrite, Joylada หรือนักเขียนบางคนก็อาจมีบล็อกส่วนตัว หรือเว็บไซต์เฉพาะกลุ่มที่ให้แฟนคลับติดตามผลงานได้โดยเฉพาะ
คุณมาย : “คนในสังคมติดภาพว่าหากเป็นผู้หญิงก็ต้องคู่กับผู้ชาย เลยทำให้การเป็นหญิงรักหญิงยังไม่เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งสังคมไทยตีกรอบให้ผู้หญิงมากกว่าด้วย ว่าต้องแต่งงาน มีครอบครัว เป็นแม่บ้านแม่เรือน และการที่ผู้หญิงสองคนอยู่ด้วยกันก็อาจปกป้องกันไม่ได้เท่าผู้ชายที่แข็งแรงกว่า”
คุณมิลค์ : “บางครั้งนิยายก็สอดแทรกประเด็นความหลากหลายทางเพศได้ไม่เต็มร้อยหรอก ส่วนใหญ่จะนำเสนอความรักของเพศเดียวกันมากกว่า แต่ว่าประเด็น LGBTQ+ มันมีอะไรมากกว่าการรักเพศเดียวกัน มันเป็นคอมมูนิตี้ที่ต้องได้รับความเท่าเทียม การยอมรับในสังคม เพื่อนบางคนอ่าน Yuri ก็ติดภาพว่าต้องเป็นผู้หญิงสวยๆ สองคนรักกัน แต่พอเห็นทอมกลับรู้สึกแปลกๆ ทั้งที่ทอมก็เป็นส่วนหนึ่งของคอมมูนิตี้นี้”
เราเชื่อว่าหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจยังไม่เคยอ่านนิยายวายกันแน่นอน แต่เราจะไม่บังคับให้ทุกคนต้องอ่านทันทีหลังจบบทความ เพราะอยากให้ทุกคนลองเปิดใจด้วยตัวเองและทำความเข้าใจว่า นิยายวาย เป็นเพียงอีกความชอบของคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ซึ่งมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองไม่ต่างจากนิยายทั่วไป อีกทั้งนักเขียนก็ต้องใช้ทั้งความสามารถ ศิลปะ ความรอบรู้ ความพยายาม และต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอในการสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
“ฟิคและนิยายให้อะไรมากกว่าที่เราคิด และเป็นสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้น เพราะการเขียนไม่ใช่จู่ๆ ก็เขียนได้เลย เราต้องหาข้อมูลหนักมากกว่าจะได้นิยายขึ้นมาเรื่องหนึ่ง เพราะเราต้องรู้ให้เยอะ ต้องพัฒนาตัวเองตลอด เพราะนักอ่านบางคนต้องรู้เยอะกว่าเราแน่นอน เราเลยตั้งใจทำงานให้นักขึ้น เพื่อสร้างผลงานดีๆ มาโดยตลอด”
คุณกระบุงพูดในมุมมองของนักเขียน ซึ่งเธอเริ่มเขียนนิยาย Yuri มาตั้งแต่อายุ 13 ปี เพราะค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้ชายเช่นเด็กผู้หญิงทั่วไป จึงอยากสร้างสิ่งที่จะช่วยสื่อสารความเป็นตัวเองออกมา ด้วยการเริ่มเขียนนิยาย ซึ่งเมื่อ 10 ปีที่แล้ว นิยายวายถือว่าอยู่ใต้ดินมากๆ บางสำนักพิพม์หรือร้านหนังสือบางแห่งประกาศไม่รับหนังสือแนวนี้ด้วยซ้ำ
“เนื้อเรื่องที่เราเขียนเป็นความรักของผู้หญิงกับผู้หญิง ซึ่งเราไม่เคยจำกัดแนวที่เขียนเลย สามารถเขียนได้หมด ทั้งโรแมนติก โรแมนติกดราม่า ย้อนยุค หรือสะท้อนสังคม เราเขียนทุกอย่างที่จินตนาการได้ เพียงแค่ตัวละครหลักของเราเป็นผู้หญิงทั้งคู่”
หากใครเคยอ่านนิยายวาย อาจสังเกตเห็นว่าส่วนใหญ่จะพูดถึงอุปสรรคในการยอมรับตัวเอง หรือการเปิดเผยตัวตนกับคนรอบข้างอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่คนในกลุ่ม LGBTQ+ ต้องเผชิญ
คุณมิลค์: “เรามองว่า Yuri ก็เป็นความชอบ ซึ่งคนอื่นอาจไม่อินก็ได้ แต่เราไม่ควรเหยียดความชอบของใคร และการที่กลุ่ม LGBTQ+ มีการเรียกร้องต่างๆ ก็อยากให้มองว่า ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ซึ่งตอนนี้คนกลุ่มนี้ยังไม่ได้รับ ดังนั้น การออกมาเรียกร้องก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
คุณกระบุง: “การเป็น LGBTQ+ ไม่เคยง่าย เริ่มตั้งแต่ขั้นแรกที่คุณต้องยอมรับตัวเองแล้ว อย่างเราที่รู้ตัวตั้งแต่ช่วงวัยเด็กอายุสิบกว่าปี แต่เราเป็นคนที่อิสระมากๆ ในการจะพูดว่าตัวเองเป็นเลสเบี้ยน ซึ่งแต่ละคนก็มีความพยายามฝ่าฟันไม่เท่ากัน เรารู้ว่าสำหรับคนอื่นมันยากแค่ไหน แต่สุดท้ายมันก้เป็นเรื่องที่คนๆ หนึ่งต้องเจอ และก้าวข้ามมันด้วยตัวเอง การเป็น LGBTQ+ ไม่มีใครยากกว่าใคร แต่มันจะง่ายขึ้นถ้าคนรอบข้างสนับสนุนและช่วยให้ผ่านจุดนั้นไปได้”