Ginzan
Photograph: Weniliou - Shutterstock
Photograph: Weniliou - Shutterstock

รวมออนเซ็นน่าไปในญี่ปุ่นสำหรับชาร์จพลังกายใจแบบฟิน ๆ

มาคลายหนาวพร้อมเติมพลังท่ามกลางทัศนียภาพอันงดงามของรีสอร์ทออนเซ็นสุดชิลล์

Nuttaya Sumritvanitcha
แปลโดย: Nuttaya Sumritvanitcha
การโฆษณา

พูดถึงหน้าหนาวแล้ว ออนเซ็นก็กลายเป็นหนึ่งในที่เที่ยวสุดฮิตในญี่ปุ่น บทความนี้ได้รวบรวม 10 ออนเซ็นเด็ด ๆ มาให้แล้ว แถมเดินทางง่าย ๆ จากโตเกียว

คุโรกาวะ ออนเซ็น จังหวัดคุมาโมโตะ (Kurokawa Onsen, Kumamoto)

คุโรกาวะ ออนเซ็นเป็นหนึ่งในแหล่งออนเซ็นที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ในภูมิภาคคิวชูที่มีบ่อน้ำพุร้อนกว่า 30 แห่งให้คุณได้เลือกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับการแช่น้ำสุดฟิน การเข้าใช้บริการออนเซ็นในคุโรกาวะจะมีบัตรไม้สุดน่ารักที่เรียกว่า 'เทกาตะ' ราคา 350 บาท (1,500 เยน) เพื่อใช้เลือกแช่บ่อออนเซ็นได้ถึง 3 แห่งตามต้องการ

เมืองคุโรกาวะมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 300 ปี โดยมีเรื่องเล่าว่าขุนนางในยุคศักดินาแวะพักที่นี่ระหว่างเดินทางข้ามเมือง ปัจจุบันเมืองนี้ยังคงมีกลิ่นอายของวันวานที่น่าหลงใหลด้วยร้านค้าและเรียวกังที่เรียงรายริมแม่น้ำที่ประดับด้วยโคมไฟสว่างไสวในยามค่ำคืน

วิธีการเดินทาง: เนื่องจากไม่มีเส้นทางรถไฟตรงไปยังคุโรกาวะออนเซ็นโดยตรง การเดินทางไปจึงต้องขึ้นรถบัสจากสนามบินฟุกุโอกะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งและค่าโดยสารเที่ยวเดียวอยู่ที่ 800 บาท (3,470 เยน)

คิโนะซากิ ออนเซ็น จังหวัดเฮียวโงะ (Kinosaki Onsen, Hyogo)

ออนเซ็นแบบดั้งเดิมอาจดูเข้าถึงยากเกินไปสำหรับคนที่ไม่รู้ภาษาญี่ปุ่น และออนเซ็นบางแห่งไม่อนุญาตให้คนที่มีรอยสักเข้าใช้บริการ แต่ที่คิโนะซากิออนเซ็นเปิดรับทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงผู้ที่มีรอยสักสามารถใส่ชุดยูกาตะสีสันสดใสไปเดินเล่นเข้าบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติทั้ง 7 แห่งกับแผนที่ภาษาอังกฤษให้คุณสามารถสะสมแสตมป์จากบ่อออนเซ็นที่คุณแวะเยี่ยมเยือนได้ด้วย

นอกจากการแช่ออนเซ็นแล้ว เมืองนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้คุณได้ทำอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกสมาธิแบบเซน (Zazen) หรือสัมผัสประสบการณ์เก็บใบชาเขียวโดยมีไกด์คอยสื่อสารภาษาอังกฤษตลอดกิจกรรม

วิธีการเดินทาง: เดินทางโดยรถไฟด่วนพิเศษจากเกียวโตใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือ รถไฟจากโอซาก้าใช้เวลา 3 ชั่วโมง

การโฆษณา

เบ็ปปุ ออนเซ็น จังหวัดโออิตะ (Beppu Onsen, Oita)

เมืองเบ็ปปุเป็นที่รู้จักกันในนามเมืองหลวงออนเซ็นของญี่ปุ่น เบ็ปปุมีแหล่งออนเซ็น 8 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน แม้ว่าการเดินทางอาจจะไกลสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะไปเยือน เพราะมีบ่อออนเซ็นหลากหลายประเภทให้คุณได้ลอง ไม่ว่าจะเป็นบ่อโคลน บ่ออบไอน้ำ หรือบ่อทราย หนึ่งในไฮไลต์คือการสัมผัสประสบการณ์ ‘ทัวร์นรกแห่งเบ็ปปุ’ ซึ่งจะพาคุณไปเยือน 8 ออนเซ็นที่ร้อนที่สุดในเมืองซึ่งมีฉายาว่า ‘จิโกกุ (jigoku)’ (นรกเดือด) อย่าลืมแวะชมจระเข้ที่ชอบน้ำร้อนที่โอนิยามะ จิโกกุด้วยนะ

วิธีการเดินทาง:

ทางเครื่องบิน: ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาทีจากสนามบินฮาเนดะไปยังสนามบินโออิตะ แล้วนั่งรถบัสต่ออีก 45 นาทีไปยังป้ายรถบัสเบ็ปปุ คิตาฮามะ

ทางรถไฟ: ใช้เวลา 5 ชั่วโมงโดยชินคันเซ็นจากสถานีโตเกียว ขึ้นรถไฟโนโซมิ ชินคันเซ็นไปยังสถานีโคคุระ แล้วต่อรถไฟด่วนพิเศษโซนิคไปยังสถานีเบ็ปปุ หากเดินทางด้วยรถไฟฮิคาริและซากุระจะใช้เวลาเพิ่มอีก 1 ชั่วโมงและต้องเปลี่ยนรถไฟที่สถานีชินโอซาก้า

กินซัน ออนเซ็น จังหวัดยามากาตะ (Ginzan Onsen, Yamagata)

กินซัน ออนเซ็น เป็นย่านออนเซ็นที่มีอาคารไม้เรียงรายอยู่ริมแม่น้ำกินซัง ในยามค่ำคืนจะมีเสียงน้ำไหลที่ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ อาคารไม้ถูกประดับด้วยโคมไฟที่ส่องแสงอ่อนโยนทำให้บรรยากาศชวนฝันราวกับหลุดมาจากนิทานญี่ปุ่น 

ในฤดูหนาวเมื่อหิมะขาวสะอาดปกคลุมทั่วเมือง ถือเป็นฤดูกาลหลักของกินซัง ออนเซ็น เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสัมผัสประสบการณ์การแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้งในช่วงฤดูหนาว อากาศหนาวเย็นที่สัมผัสร่างกายส่วนบนและใบหน้า ก่อให้เกิดความรู้สึกตัดกันกับความอบอุ่นของน้ำอย่างน่าพอใจฤดูหนาวเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ความเย็นสบายที่ปะทะกับร่างกายและใบหน้าจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นพร้อมกับผ่อนคลายไปกับความอบอุ่นของน้ำพุร้อนได้อย่างลงตัว

กินซัน ออนเซ็นเป็นสถานที่ยอดนิยมในช่วงฤดูหนาว จึงแนะนำให้จองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน ไฮไลต์ของที่นี่คือทัศนียภาพอันงดงาม สำหรับการเที่ยวชมวิว และสามารถเดินทางไปยังบริเวณอื่นในจังหวัดยามากาตะ เช่น ซาโอะ ออนเซ็น ที่ตกแต่งด้วยประติมากรรมรูปปั้นหิมะในช่วงฤดูหนาว

วิธีการเดินทาง: ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งจากสถานีโตเกียวไปยังสถานีโอยชิดะโดยรถไฟยามากาตะ ชินคันเซ็น แล้วต่อรถบัสอีก 40 นาทีไปยังป้ายรถบัสกินซัน ออนเซ็น

การโฆษณา

คุซัตสึ ออนเซ็น จังหวัดกุนมะ (Kusatsu Onsen, Gunma)

น้ำในบ่อออนเซ็นที่คุซัตสึร้อนมากจนต้องมีขั้นตอนพิเศษในการกวนน้ำเพื่อทำให้เย็นลงแทนที่จะเติมน้ำเย็น เพราะการเติมน้ำเย็นจะทำให้แร่ธาตุเจือจาง (มีคำกล่าวว่าน้ำที่นี่สามารถรักษาได้ทุกโรคยกเว้นโรครัก) วิธีการคนเพื่อลดความร้อนนี้เรียกว่า ‘ยูโมมิ (yumomi)’ ซึ่งบางครั้งจะมีการแสดงให้ชมด้วย

บ่อออนเซ็นสาธารณะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ ไซโนะคาวาระ โรเทนบุโระ ตั้งอยู่ในสวนไซโนะคาวาระที่มีทิวทัศน์ป่าไม้สวยงามและน้ำร้อนบริสุทธิ์ ค่าเข้าเพียง 180 บาท (800 เยน) ขอแนะนำให้ซื้อผงแช่น้ำแร่ ‘ยู โนะ ฮานะ’ ติดกระเป๋ากลับบ้านไปด้วยเพื่อสัมผัสแร่ธาตุบำบัดจากออนเซ็นของญี่ปุ่นได้ที่บ้านของคุณเอง 

หากคุณกำลังมองหากิจกรรมอื่นๆ ในพื้นที่ ภูเขาชิราเนะ มีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ส่วนในฤดูหนาวนักสกีสามารถเพลิดเพลินกับการเล่นสกีบนภูเขาได้ที่ Kusatsu Snow & Spa Resort ซึ่งเปิดตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคมจนถึงกลางเดือนเมษายน

วิธีการเดินทาง: ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งจากสถานีอุเอโนะด้วยรถไฟด่วนพิเศษคุซัตสึ (เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์) ไปยังสถานีนากาโนะฮาระ-คุซัตสึกุจิ แล้วนั่งรถบัสต่ออีก 30 นาทีไปยังคุซัตสึ ออนเซ็น หรืออีกทางหนึ่งคือ ขึ้นชินคันเซ็นจากสถานีโตเกียวไปคารุอิซาวะ จากนั้นนั่งรถบัสต่ออีก 80-100 นาทีไปยังสถานีรถบัสคุซัตสึ ออนเซ็น

โนซาวะ ออนเซ็น จังหวัดนากาโนะ (Nozawa onsen, Nagano)

โนซาวะ ออนเซ็นเป็นจุดหมายในฤดูหนาวที่ผสมผสานความสนุกของกีฬาฤดูหนาวเข้ากับการแช่ออนเซ็นอย่างลงตัว นักสกีและนักสโนว์บอร์ดสามารถเพลิดเพลินกับการไถลลงจากเนินหิมะเนื้อนุ่มก่อนจะปิดท้ายวันด้วยการแช่ตัวในบ่อออนเซ็นสาธารณะของเมือง

เมืองนี้มีบ่อออนเซ็นสาธารณะ 13 แห่ง หรือที่เรียกว่า ‘โซโตะยู’ ซึ่งเปิดให้ทุกคนได้ใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย แม้ว่าจะมีขนาดเล็กกว่าออนเซ็นทั่วไป ออนเซ็นแต่ละบ่อยังมีสถาปัตยกรรมไม้สวยงามที่ดูเหมือนฉากในภาพยนตร์ ‘Spirited Away’ ของจิบลิ

วิธีการเดินทาง: จากสถานีโตเกียว ขึ้นรถไฟโฮคุริคุ ชินคันเซ็นไปคานาซาวะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงลงที่สถานีอิยามะ จากนั้นต่อรถบัสไปยังโนซาวะ ออนเซ็น

การโฆษณา

นานิวะ โน ยุ จังหวัดโตเกียว (Niwa no Yu, Tokyo)

สำหรับคู่รักที่ต้องการแช่ออนเซ็นด้วยกัน Niwa no Yu คือสปาออนเซ็นในโตเกียวที่สามารถใส่ชุดอาบน้ำได้ในโซนที่กำหนด แม้ว่าออนเซ็นที่นี่จะไม่ได้อุดมไปด้วยแร่ธาตุเหมือนออนเซ็นธรรมชาติเพราะมาจากการขุดเจาะใต้ดิน แต่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สะดวกสบายสำหรับชาวโตเกียว แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ที่ตั้งของสปาอยู่ในสวนญี่ปุ่นทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับวิวธรรมชาติภายนอกได้อย่างผ่อนคลาย 

ข้อควรระวัง: เด็กไม่สามารถเข้าใช้บริการที่นี่ได้

วิธีการเดินทาง: จากสถานีชินจูกุ ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีด้วยรถไฟสาย Toei Oedo ลงที่สถานีโทชิมะเอ็น

ฮาโกเนะ ออนเซ็น จังหวัดคานางาวะ (Hakone Onsen, Kanagawa)

ฮาโกเนะสร้างชื่อเสียงในฐานะเมืองออนเซ็นที่มีความหลากหลายอย่างมาก เมืองภูเขาแห่งนี้มีทุกอย่างตั้งแต่สวนสนุกออนเซ็นสำหรับครอบครัว เรียวกังสุดหรูที่มาพร้อมบ่ออาบน้ำฮิโนกิส่วนตัว พร้อมให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์แช่น้ำร้อนในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับทุกคน

หนึ่งในจุดหมายยอดนิยมคือ Yunessun สปารีสอร์ทที่มีบ่อกาแฟและบ่อไวน์ สไลเดอร์น้ำร้อน และบ่อในถ้ำให้คุณได้สำรวจ ที่นี่ต่างจากออนเซ็นแบบดั้งเดิม เพราะเป็นบ่อรวมที่ต้องสวมชุดว่ายน้ำ ทำให้คุณสามารถใช้เวลาร่วมกับครอบครัวและเพื่อนฝูงได้โดยไม่ต้องแยกกัน

หากต้องการความสงบ ลองไปที่ Hakone Yuryo รีสอร์ทที่ตั้งอยู่ท่ามกลางป่าไม้ ซึ่งนอกจากจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบส่วนรวมแล้ว ยังมีห้องออนเซ็นส่วนตัว 19 ห้องที่สามารถจองเพื่อสัมผัสการแช่น้ำกลางแจ้งได้แบบไม่มีใครรบกวน

วิธีการเดินทาง: ใช้เวลาเดินทางประมาณ 90 นาทีโดยรถไฟ Odakyu Romance Car จากสถานีชินจูกุไปยังสถานีฮาโกเนะ-ยูโมโตะ หากคุณวางแผนพักค้างคืน ควรซื้อ Hakone Freepass แบบสองวัน ราคาสำหรับผู้ใหญ่ 1360 บาท (6,100 เยน) เด็ก 250 บาท (1,100 เยน) ซึ่งครอบคลุมค่าเดินทางไปกลับและการใช้บริการขนส่งต่าง ๆ ในพื้นที่แบบไม่จำกัด

การโฆษณา

อะตามิ จังหวัดชิซูโอกะ (Atami, Shizuoka)

อะตามิ เมืองริมทะเลที่อยู่ใกล้โตเกียวมีชื่อเสียงในด้านออนเซ็น เพราะมีเรื่องเล่าว่า โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ ผู้มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์เคยชื่นชอบน้ำแร่จากออนเซ็นของอะตามิมากจนถึงขนาดสั่งให้นำน้ำไปไว้ที่ปราสาทของเขาในเอโดะ (โตเกียว) เพื่อให้ได้แช่ถึงที่บ้าน

ด้วยความที่เมืองนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเล น้ำแร่ออนเซ็นที่นี่จึงมีความเค็มสูง ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองของผิวหนัง อะตามิอยู่ไม่ไกลจากโตเกียว จึงเหมาะสำหรับทริปไปเช้าเย็นกลับแบบไม่ต้องวางแผนล่วงหน้า อย่าลืมซื้อ ออนเซ็นมันจู ขนมถั่วแดงหวานที่ขึ้นชื่อของที่นี่ติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วย

วิธีการเดินทาง: จากสถานีโตเกียว ขึ้นรถไฟชินคันเซ็นโทไคโด-ซันโย สายโคดามะ ไปยังนาโกย่า นั่งไป 4 สถานีใช้เวลาประมาณ 45 นาทีแล้วลงที่สถานีอะตามิ

ยูโมโตะ ออนเซ็น จังหวัดนิกโก (Yumoto Onsen, Nikko)

ยูโมโตะ ออนเซ็น ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาตินิกโก ใกล้ทะเลสาบยูโนโกะ บริเวณนี้มีไอน้ำพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินทำให้ทั้งอากาศและน้ำมีกลิ่นกำมะถันที่ค่อนข้างฉุน แต่ถึงแม้น้ำจะมีกลิ่นแรง ก็เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่ดีต่อผิว ช่วยให้ผิวรู้สึกสดชื่น

พื้นที่รอบๆ มีเรียวกังหลายแห่งที่มีออนเซ็นให้แช่ผ่อนคลาย นอกจากนี้ทางตอนเหนือของเมืองยังมีบึงยูโนไดระ ซึ่งเป็นจุดที่น้ำร้อนผุดขึ้นมาจากพื้นดิน สำหรับคนที่ชอบการเดินป่า ระหว่างทางไปยูโมโตะ ออนเซ็น อย่าลืมแวะชมน้ำตกเรียวซุ และเดินสำรวจเส้นทางเดินป่าซันโจงาฮาระที่สวยงามเหมือนอยู่ในฝัน

วิธีการเดินทาง: ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงโดยรถไฟด่วนจากสถานีโทบุ อาซากุสะ ถึงสถานีโทบุ นิกโก จากนั้นต่อรถบัสอีกประมาณ 80 นาทีถึงยูโมโตะ ออนเซ็น (สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวในสถานี) ซื้อบัตร Nikko Pass All Area จากสถานีโทบุ อาซากุสะ เพื่อรับส่วนลดค่าการเดินทาง

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา