หลายปีมานี้สิ่งที่มาพร้อมกับลมหนาวในช่วงท้ายปี ก็คือ ‘ฝุ่น PM2.5’ ฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็กแทบจะเป็นเนื้อเดียวกับอากาศ เล็กจนร่างกายแทบไม่สามารถกรองได้ และเมื่อเจ้าฝุ่นชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายก็ย่อมไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการสวมหน้ากาก N95
“ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” ดูจะเป็นสำนวนที่เข้ากับสถานการณ์ช่วงนี้ดี เพราะนอกจากฝุ่น PM2.5 ที่มาเยือนทุกปีจนกลายเป็นแขกประจำฤดูกาลไปแล้ว ปีนี้เรายังมี โควิด-19 เป็นแขกพิเศษที่อยู่กับเรามาตั้งแต่ต้นปีและทำให้เราต้องสวม 'แมสก์' (Mask) หรือหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้าทุกวันกันจนถึงตอนนี้
นอกเหนือจากปัญหาเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพจิต หรือแม้แต่เรื่องการขาดแคลนหน้ากากอนามัยและหน้ากาก N95 แล้ว ในยุคที่เราต้องสวมหน้ากาก (ทั้งแบบกันโควิด-19และกันฝุ่น) เข้าหากันทุกวันแบบนี้ เรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ‘ปัญหาผิวหน้า’ ซึ่งถ้าใครไม่เจอปัญหานี้เลย นอกจากเรื่องสุขอนามัยที่ดีแล้ว ก็อาจจะถือว่าเป็นคนโชคดีมากด้วยก็ได้
แต่ถ้าเรื่องนี้กำลังเป็นปัญหาหนักอกของคุณอยู่ เรามีบทสัมภาษณ์ หมอก็อต - นายแพทย์ ธนุพล แสงโชติ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ จาก Alfar Ville Clinic ว่าด้วยเรื่องการดูและผิวของคนเมืองเมื่อต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา และเราอยากให้คุณอ่านให้จบ
การใช้ชีวิตในเมืองมีปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลเสียต่อผิวหน้า?
“ถ้าหลักๆ ก็รังสียูวีเป็นแสงที่เรามองไม่เห็น ที่ทำให้ผิวเกิดริ้วรอยแล้วก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนัง ส่วนพวกแสงที่มองเห็น เช่น แสงจากมือถือ จากไฟ จากคอมพิวเตอร์ จริงๆ มันก็มีผลเสียต่อผิวได้เหมือนกัน รวมถึงมลภาวะต่างๆ จากข้างนอกที่มีหลายอย่างเลย ไม่ว่าจะควันรถ ควันบุหรี่ แล้วก็ผลของการดูแลสุขภาพโดยรวมกับไลฟ์สไตล์ก็ส่งผลต่อผิวได้เช่นกัน”
คนเมืองควรดูแลผิวมากกว่าคนทั่วไปไหม?
“ถ้าเป็นเรื่องรังสียูวีคงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ไม่ว่าจะกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด แต่ถ้าพูดถึงมลภาวะ คนที่อยู่ในเมือง ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ นะ อาจจะเป็นเมืองใหญ่ๆ ตามต่างจังหวัด ก็มีโอกาสเจอมลภาวะมากกว่าคนที่อยู่ชานเมืองหรือชนบทอยู่แล้ว โอกาสที่ผิวจะถูกทำร้ายก็ต้องสูงกว่า ก็ต้องดูแลเยอะกว่านิดหนึ่ง ถ้าไม่ดูแลก็อาจจะเหี่ยวเร็ว แก่เร็ว หรือมีปัญหาโรคผิวหนังได้มากกว่าคนที่ไม่เจอมลภาวะ”
“อีกอย่างคือรังสียูวีมันก็มีผลเสียต่อผิวอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่พอไปเจอมลภาวะพร้อมกับรังสียูวีเนี่ย มันไม่ได้เป็นหนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองนะครับ มันเป็นหนึ่งบวกหนึ่งมากกว่าสอง มันเสริมกันทำให้ผิวยิ่งแย่ลง เราก็ต้องปกป้องมากกว่าปกติหน่อย ครีมกันแดดเป็นอะไรที่ต้องใช้อยู่แล้ว”
อยู่ในเมืองที่มีมลภาวะเยอะ ผิวหน้าเราต้องรับมือยังไงให้?
“มลภาวะภายนอก จริงๆ ที่ดีที่สุดก็คือพยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปเจอมัน หรือจำกัดเวลาที่เราต้องไปเจอกับสิ่งเหล่านั้นให้สั้นที่สุด ตรงนี้ครีมอาจจะช่วยได้น้อยแล้ว แต่ครีมก็จะไปช่วยป้องกันแสงยูวีไม่ให้มาเสริมกัน แต่การไม่เอาตัวเองไปเจอมลภาวะเยอะก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี อีกอย่างที่พอช่วยเรื่องมลภาวะได้ก็คือพวกครีมที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ เพราะมลภาวะเวลาอยู่ที่ผิวส่วนมากจะก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ ทำให้เซลล์แก่เร็ว เซลล์ตายไว ทำให้ผิวเกิดริ้วรอย เกิดความเหี่ยว แล้วก็แก่ได้เร็วกว่าปกติ การใช้ครีมที่มีสารกันแดดและสารต้านอนุมูลอิสระก็จะช่วยเสริมกันในการปกป้องผิวจากทั้งแสงแดดและมลภาวะ”
“ที่บอกว่าให้จำกัดเวลาที่ต้องเจอกับมลภาวะ ผมเชื่อว่าเราคงจะจำกัดกันอยู่แล้วทุกคน แต่บางคนอาจจะยาก สิ่งที่ทำได้ก็คือเราต้องดูแลร่างกายเราให้แข็งแรง ไม่ใช่แค่การทาครีมหรือทากันแดด แต่เราก็ต้องหมั่นดูแลตัวเองให้ดีด้วย”
สุดท้ายแล้วมันก็จะกลับมาที่เรื่องพื้นฐานอย่างทานอาหารให้ดี นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำให้มากๆ ทานผักผลไม้ที่มีสีเยอะๆ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงๆ เพื่อให้ผิวเรามีเกราะป้องกันแสงแดด
ใครๆ ก็บอกว่าครีมกันแดดสำคัญ แต่จะเลือกยังไงให้ได้กันแดดที่ดีที่สุด?
“กันแดดนี่เหมือนเลือกแฟนเลยครับ ก็ต้องค่อยๆ หาไป ปัจจุบันก็ยังดีกว่าแต่ก่อนหน่อย เพราะเรามีผลิตภัณฑ์กันแดดให้เลือกค่อนข้างเยอะ หลักๆ ดูที่ค่าเอสพีเอฟกับค่าพีเอก่อน เอสพีเอฟก็จะเป็นค่าที่บอกว่าป้องกันรังสียูวีบีได้เท่าไหร่ ค่าพีเอก็จะบอกว่ากันรังสียูวีเอได้เท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่ตามท้องตลาดทุกวันนี้ จะเป็นค่าป้องกันสูงสุดเท่าที่ อย. จะอนุญาตอยู่แล้ว เช่น เอสพีเอฟ 50 พีเอ +++ แต่ละแบรนด์ก็จะมีหลายสูตร ก็เลือกสูตรที่เหมาะกับผิว ทาแล้วสบายผิว แต่พวกนี้ก็ต้องลอง ไม่สามารถบอกได้ว่าสูตรไหนดีที่สุด เพราะผิวแต่ละคนไม่เหมือนกัน ค่อยๆ หาไปแล้วจะเจอเอง”
“พวกค่าปกป้องแสงแดดที่พูดไปเมื่อสักครู่ มันก็มีผลในระดับหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือการทาซ้ำ คนส่วนใหญ่จะทารอบเดียวก่อนออกจากบ้านแล้วไม่ทาอีก ซึ่งถ้าทำแบบนั้นจริงๆ ไม่พอ เพราะในระหว่างวัน ไม่ว่าจะความมัน เหงื่อ หรือการที่เราไปเจอแสงแดดจัด ประสิทธิภาพของครีมกันแดดก็จะค่อยๆ ดร็อปลงเรื่อยๆ ระหว่างวัน ไม่มีกันแดดที่อยู่ได้นานหลายชั่วโมงเหมือนในโฆษณาหรอก มันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง”
ทุกวันนี้ต้องป้องกันทั้งมลภาวะทั้งโรคระบาด ใส่แมสก์ทุกวันยังไงไม่ให้สิวตามมา?
“หน้ากากอนามัยก็นำมาซึ่งปัญหาสิวได้หลายอย่างนะครับ เวลาแมสก์สัมผัสกับผิวไม่ว่าจะเป็นผ้าหรือแมสก์แบบใช้แล้วทิ้ง บริเวณที่แมสก์ปกคลุมอยู่บนหน้า ลมหายใจไม่ได้ระบายออกไป ทำให้มีความร้อน ความชื้น อุณหภูมิที่สูงขึ้น เป็นปัจจัยที่ทำให้ต่อมไขมันสร้างไขมันออกมามากกว่าปกติ ผิวบริเวณนั้นเลยมัน เป็นสาเหตุของสิว การรักษาก็เหมือนรักษาสิวทั่วไปนี่แหละครับ ส่วนการดูแลเบื้องต้นอื่นๆ ที่เราสามารถดูแลได้ เพื่อเป็นการป้องกันหรือลดความรุนแรงของสิวที่เกี่ยวกับแมสก์ ก็คือพยายามเลือกผ้าของแมสก์ที่ใส่แล้วรู้สึกสบาย ระบายอากาศได้โอเค ไม่อึดอัด ไม่ระคายเคืองผิว คือถ้าเราใส่แล้วรู้สึกร้อนหน้ามากเลยนี่ สิวมาแน่ครับ”
“ถ้าช่วงไหนที่เราสามารถไม่ใส่แมสก์ได้อย่างปลอดภัย ก็ลดระยะเวลาการใส่แมสก์ที่ไม่จำเป็นลง ก็น่าจะช่วยได้ รวมถึงแมสก์ที่ใช้เราก็ต้องเปลี่ยนทุกวันหรือทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ที่ค่อนข้างอ่อนโยนกับผิว อีกอย่างที่ผมชอบแนะนำคนไข้ก็คือ วิธีง่ายๆ อย่างเอาทิชชู่เช็ดหน้ารองเข้าไปใต้แมสก์ของเราอีกที ซึ่งทิชชู่มันจะช่วยซับความมันความชื้น จะได้ไม่ให้อับมาก แล้วระหว่างวันก็อาจจะถอดแมสก์เช็ดหน้าบ้าง โดยใช้ทิชชู่หรือสำลีชุบน้ำสะอาดเช็ดบริเวณที่อยู่ใต้แมสก์บ้าง ก็จะช่วยบรรเทาเรื่องการเกิดสิงได้ แต่ถ้ายังไม่หายก็มาหาหมอครับ”
แมสก์แบบไหนดีที่สุด?
“จริงๆ แมสก์ผ้าจะระคายเคืองน้อยกว่านะครับ แบบที่เป็นเส้นใยธรรมชาติ ไม่ใช่เส้นใยสังเคราะห์ ถ้าจะให้ผมแนะนำ สำหรับคนที่มีแนวโน้มที่ผิวจะระคายเคืองได้ง่าย ผมแนะนำเป็น แมสก์ผ้าที่เนื้อผ้าอ่อนโยนหน่อยน่าจะดีกว่า เพราะพวกหน้ากากที่ใช้ในโรงพยาบาล มันก็จะมีใยสังเคราะห์และสารประกอบบางอย่างที่กระตุ้นให้เกิดการแพ้ที่ผิวหนังได้ถ้าใส่นานๆ ถ้าใช้แล้วไม่แพ้ก็ไม่เป็นไร แต่คนที่แพ้แล้วมีปัญหาเรื่องสิว ลองเปลี่ยนมาใช้แมกส์ผ้าแล้วเปลี่ยนทุกวันก็น่าจะโอเค”
อีกอย่างที่ต้องป้องกันก็คือฝุ่น PM2.5 ทำยังไงไม่ให้ฝุ่นทำร้ายผิว?
“ฝุ่นชนิดนี้ป้องกันยาก วิธีที่ดีที่สุดคือเราต้องไม่ไปเจอมัน คือหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอกในช่วงเวลาที่ค่าฝุ่นสูงๆ ส่วนครีมป้องกันไม่มีหรอกครับ แต่เนื่องจากผลเสียของ PM2.5 กับผิวหน้า หลักๆ ก็คือการที่ในฝุ่นมีสารประกอบที่ทำร้ายผิว ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ และการอักเสบต่างๆ ที่ผิวได้ การทาครีมที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ ก็อาจจะช่วยได้บ้างนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ได้ทั้งหมด แล้วก็ต้องดูแลร่างกายเราให้แข็งแรงครับ เราจะต้องมีสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเราที่มากพอที่จะไปสู้กับอนุมูลอิสระจากถายนอกได้”
หน้ากาก N95 จะเกิดสิวได้ง่ายกว่าหน้ากากทั่วไปไหม?
“การใส่หน้ากาก N95 แย่กว่าหน้ากากผ้าอีก เพราะว่ามันต้องแนบกับผิว ถ้าไม่แนบก็ไม่สามารถป้องกันหรือกรองฝุ่นได้ อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้มากกว่า และสิ่งที่ผมคิดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี ถ้าฝุ่นกลับมาอีกรอบก็คือ เวลาเราอยู่ข้างนอก เราก็ใส่หน้ากาก N95 พอไม่ได้อยู่ข้างนอกก็เปลี่ยนมาใส่หน้าผ้ากากธรรมดา ชีวิตก็อาจจะยากขึ้นอีกหน่อย แต่เรื่องการดูแลผิวก็เหมือนกับที่บอกเรื่องหน้ากากอนามัยไปเลยครับ N95 นี่อาจจะจำกัดระยะเวลาการใส่ที่ไม่จำเป็นลง ไม่งั้นจะยิ่งระคายเคือง”