[title]
แถวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยกำลังจะมีโรงแรมเปิดใหม่ชื่อ ‘บ้านตึกดิน’ เดิมเป็นบ้านเก่าอายุร้อยกว่าปี (สร้างสมัยรัชกาลที่ 6) เจ้าของเคยปล่อยเช่าและเปิดเป็นโรงแรมชื่อไทยวารีมาก่อน แต่ตอนนี้รุ่นลูกรุ่นหลานกลับมาคืนชีวิตให้บ้านเก่าริมถนนดินสอหลังนี้อีกครั้ง
ในส่วนของโรงแรมจะเป็นโรงแรมบูทีก ตกแต่งด้วยสัตว์สตัฟฟ์ ตอนนี้อยู่ในช่วงเก็บรายละเอียด การตกแต่งต่างๆ คาดว่าจะพร้อมเปิดเดือนหน้า แต่ที่เปิดรับแขกแล้วตอนนี้คือบาร์ของโรงแรมชื่อ ‘ตึกดินบาร์’ โดยชื่อตึกดินมาจากการที่เมื่อก่อนย่านนี้เคยเป็นย่านผลิตดินปืนส่งให้วัง
ภายในบาร์ตกแต่งด้วยของเก่าไม่ว่าจะเป็น โต๊ะไม้ เก้าอี้ไม้ ตู้เก็บของ พรม ซึ่งส่วนมากก็เป็นของสะสมของเจ้าของ เป็นการตกแต่งด้วยของที่ไม่เข้าชุดแต่เข้ากันทุกชิ้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ท่ามกลางผนังที่ถูกทำให้ดูเก่า
ของตกแต่งชิ้นไฮไลต์คือลำโพง JBL Paragon ตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่ฝั่งซ้ายเมื่อเดินเข้าประตู ลำโพงราคาเฉียดล้านตัวนี้ผลิตในปี ค.ศ. 1957 อายุประมาณ 65 ปี ในไทยมีแค่ 2-3 ตัว และที่ร้านนำมาใช้งานจริง
ค็อกเทลซิกเนอเจอร์ของที่นี่จะแบ่งเป็นส่วนที่เจ้าของร้านมอบให้กับคนที่รักหรือเคารพนับถือ กับส่วนที่เป็น bartender signature ซึ่งทั้งหมดสร้างสรรค์โดย ‘ปลั๊ก - ภณ สมบูรณ์’ อดีตเจ้าของบาร์ที่หลีเป๊ะ แต่ละแก้วเข้มถึงใจเพราะเจ้าของบาร์คอนี้อยู่แล้วและบาร์เทนเดอร์เองก็ติดมือหนักมาจากลูกค้าต่างชาติสมัยอยู่หลีเป๊ะ
เราชอบอย่างหนึ่งคือเมนูที่ร้านจะออกแบบมาคล้ายๆ แผนภูมิ แบ่งโซนคลาสสิกกับซิกเนอเจอร์และเรียงลำดับความเข้มจาก Stiff (เข้ม) ไปจนถึง Friendly (ดื่มง่าย) คืนนี้บาร์เทนเดอร์แนะนำ 4 แก้ว คือ
To die for (450 บาท) ค็อกเทลที่เจ้าของร้านมอบให้พี่สาวที่เสียชีวิตไปแล้ว สตอรี่คือพี่สาวเคยเปิดร้านอาหารชื่อ To die for และเป็นผู้กำกับโฆษณา ผลงานที่ดังๆ คือโฆษณาวิสกี้แบรนด์หนึ่งที่ได้ ไมเคิล หว่อง มาเล่นนำ แก้วนี้เลยใช้วิสกี้เป็นเบส เสิร์ฟมาในแก้วมาร์ตินี่ ตกแต่งด้วยโรสแมรี่และเชอรี่
Maytona (450 บาท) แก้วนี้มอบให้ ‘เมย์ - ภควัฒน์ ไววิทยะ’ แห่งวง Kidnappers ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน สะท้อนตัวตนด้วยส่วนผสมของดรายวิสกี้ สวีตเวอร์มุธ และอมาเร็ตโตให้มีความหวานเล็กน้อย
Alucard (450 บาท) ถ้าอ่านกลับหลังก็คือ Dracula แก้วนี้เป็น bartender signature วัตถุดิบเด่นๆ คือกระเทียมโทนท ได้ยินทีแรกก็กล้าๆ กลัวๆ แต่บาร์เทนเดอร์ทำออกมาได้ดี ดื่มง่ายกว่าที่คิด ถ้าสั่งแก้วนี้แนะนำให้จิบก่อน จากนั้นเคี้ยวกระเทียมโทนที่แต่งแก้วมา แล้วจิบตามอีกรอบ รสชาติและกลิ่นของค็อกเทลจะเปลี่ยนไป
แก้วสุดท้ายคือ Pina la perilla (420 บาท) ค็อกเทลประจำตัวบาร์เทนเดอร์เป็นแนวทรอปิคัลซึ่งบาร์เทนเดอร์ถนัดที่สุด วัตถุดิบเด่นๆ คือสับปะรดที่ถูกนำไปคาราเมลไลซ์เพิ่มความหอมหวาน แก้วนี้จึงให้ความสดชื่นและเราว่าเป็นแก้วที่ดื่มง่ายที่สุด