[title]
นอกจากจะเป็นที่อยู่ของบาร์กาแฟจากโรงคั่วชื่อดังแล้ว เบื้องหลัง facade จับลอนสีขาวที่ดูทันสมัยของตึกแถวดัดแปลงใจกลางซอยเอกมัย 12 ยังเป็นที่อยู่ของ Marchwood เนเชอรัลไวน์และแชมเปญบาร์ที่เสิร์ฟอาหารทั้งเมนูมื้อสายและดินเนอร์พร้อมด้วยไวน์แพร์ริ่ง รวมถึงเซสชั่นไวน์เทสต์ติ้งในทุกๆ วันอังคารเพื่อเปิดโอกาสให้คนที่ยังไม่คุ้นชินกับเนเชอรัลไวน์ ได้ลองจิบและฟังเรื่องราวเบื้องหลังไวน์แต่ละขวด อันเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดของเนเชอรัลไวน์เลยก็ว่าได้
การออกแบบภายนอกและการตกแต่งภายในได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมดั้งเดิมของโฮมทาวน์ในย่านนี้ที่ปลูกสร้างมาตั้งแต่ช่วงปี 60-70’s ซึ่งโดดเด่นด้วยการใช้อิฐลอน สลับกับชุดเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์โมเดิร์น ตกแต่งด้วยต้นไม้แขวนและโคมไฟประดิษฐ์จากขวดไวน์
มื้ออาหารของ Marchwood มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Gastronomical ตามแบบฉบับยุโรป ที่มอบรสชาติอาหารแบบพิถีพิถันในรูปแบบที่เป็นกันเอง เข้าถึงง่าย กินได้ทั้งวัน และที่สำคัญคือราคาดี จับต้องได้ทั้งอาหารและไวน์ที่เริ่มต้นเพียงขวดละ 1,500-6,000 บาท ด้วยความตั้งใจของเจ้าของร้านที่อยากเพิ่มทางเลือกให้กับนักดื่ม
ถ้าใครมองหาอาหารที่ทานง่ายๆ ก็อาจจะลองเป็น Gambas (290 บาท) กุ้งตัวโตผัดน้ำมันมะกอกและกระเทียมหั่นแว่น ประดับรสเผ็ดปลายลิ้นจากพริกแห้งสไตล์สเปน เสิร์ฟพร้อมขนมปังบิยอช หรือหนักท้องขึ้นมาอีกนิดกับเมนูสไตล์ไทยอันคุ้นเคยอย่าง Shrimp Creamy Omelet On Rice (340 บาท) ข้าวไข่ข้นกุ้งซอสกะเพราที่มีทีเด็ดอยู่ที่กุ้งไซส์ใหญ่สุดจุใจ
แต่เมนูแนะนำที่เราคิดว่าห้ามพลาดก็คือ Wafu-Choyu (390 บาท) หนึ่งในเมนูที่ทานง่าย สั่งทานได้ทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น มีรสสัมผัสหนักแน่นของตัวปลาไหลและซอสโชยุสูตรพิเศษ เหมาะจับคู่กับ Le Temps des Cerises Un Pas de Côté ปี 2015 (1,500 บาท/ขวด และ 630 บาท สำหรับเซ็ตแพร์ริ่งกับอาหารจานนี้) ไวน์แดงออร์แกนิกจากกระบวนการปลูกในป่าลึก ซึ่งทำให้ได้รสชาติ spice, mineral และ herbs จากแร่ธาตุที่แตกต่างจากการปลูกไวน์บนเนินเขาทั่วไป ตัดกับความคาวของปลาไหลได้เป็นอย่างดี
หรือจะเป็น Steam Whole Halibut (700 บาท) ปลาฮาลิบัตเนื้อขาวแน่นสุดชุ่มฉ่ำที่นำไปเซียร์บนกระทะพร้อมกับสมุนไพรหลายชนิด ก่อนสตรีมร้อนในห่อฟรอยด์จนสุกหอม ที่ทางร้านแนะนำว่าเหมาะจะกินคู่กับ François Mikulski Crémant de Bourgogne ไวน์เบอร์กันดีที่ใช้วิธีการทำแบบเดียวกับแชมเปญ จึงทำให้ได้ความละเอียดของฟองที่ใกล้เคียงกับแชมเปญ ในรสสัมผัสที่เบากว่าพร้อมกลิ่นโอ๊คเข้มๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์เบอกันดี ซึ่งสามารถสั่งมาดื่มได้ทั้งแบบแก้วและแบบขวด (1,650 บาท/ขวด และ 360 บาท/แก้ว)