Tropic City
Tropic City
Tropic City

สัมภาษณ์ 'เซบาสเตียน เดอ ลา ครูซ' ผู้ก่อตั้ง Tropic City บาร์ยอดเยี่ยมระดับเอเชียในยุคที่บาร์ต้องปิด

“บาร์เป็นธุรกิจที่ต้องปิดคนแรก และเปิดคนสุดท้าย”

Kenika Ruaytanapanich
การโฆษณา

ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าโคโรน่าไวรัสทำให้หลายธุรกิจ รวมถึง ‘ร้านอาหารและบาร์’ ได้รับผลกระทบมากมายแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมรับนะว่าคนส่วนใหญ่ค่อนข้างให้ความสนใจกับร้านอาหารมากกว่าธุรกิจอื่นๆ มาโดยตลอด นั่นก็อาจเพราะของกินเป็นสิ่งที่เราต้องนึกถึงอยู่ทุกวัน จนมองข้ามไปว่าธุรกิจอย่างเช่น ‘บาร์’ ก็ต้องเจอมาหนักไม่น้อย

เราจึงอยากพาทุกคนไปฟังเสียงของคนในวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดูบ้าง ว่าที่ผ่านมาพวกเขาต้องทำอย่างไร และหวังจะได้รับอะไรในวันที่รัฐออกคำสั่งให้ปิดร้าน ผ่านบทสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ เซบาสเตียน เดอ ลา ครูซ (Sebastian De La Cruz) เจ้าของบาร์ค็อกเทล Tropic City ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งบาร์ที่ดีที่สุดแห่งเอเชีย ลำดับที่ 22 จากเวที Asia’s 50 Best Bar ในปีนี้ ซึ่งเราว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยกับการรักษาตำแหน่งสูงๆ ไว้ได้ ในเมื่อปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และมีแต่อุปสรรคทั้งนั้น

Tropic City
Tropic City

Q: ย้อนกลับไปครั้งแรกที่ต้องปิดบาร์ ทีม Tropic City รับมืออย่างไรบ้าง

เซบาสเตียน: ตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาด พวกเราไม่รู้เลยว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นนานเท่าไหร่ อาจเป็นเดือน หรืออาจนานกว่านั้นก็ได้ ดังนั้นสิ่งแรกที่เราทำก็คือ พยายามลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าที่เป็นไปได้ อย่างเช่น เจรจากับเจ้าของที่เรื่องค่าเช่า

ต่อมาก็เรื่องพนักงาน ที่เราต้องคิดว่าจะช่วยเหลือพนักงานของเราได้อย่างไร ในเมื่อทุกอย่างต้องหยุดไว้จนกว่าจะกลับมาเปิดได้ และกฎหมายเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ก็ค่อนข้างละเอียดอ่อน ทำให้เราขายอะไรที่มีแอลกอฮอล์ผสมไม่ได้เลย เราก็เลยตัดสินใจขาย gift voucher เพื่อให้ลูกค้าซื้อแล้วค่อยนำกลับมาใช้ตอนที่เราเปิดร้านได้แทน

Q: เปรียบเทียบกับครั้งนี้ บาร์รับมือกับสถานการณ์ต่างไปอย่างไรบ้าง

เซบาสเตียน: ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะเราเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง พนักงานของเราก็เช่นกัน พวกเขาเลยเตรียมตัวรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดี เพราะอย่างไรก็ไม่มีอะไรที่เราสามารถทำได้ พวกเราก็ต้องลดค่าใช้จ่าย ค่าจ้างเหมือนเดิม เอาจริงผมว่ามันก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไหร่

พวกเราเป็นธุรกิจเดียวที่ต้องปิดคนแรก และเปิดคนสุดท้าย


Q: หลายคนยังไม่เข้าใจว่าบาร์ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง นอกจากแค่การถูกส่ังปิด

เซบาสเตียน: พวกเราเป็นธุรกิจเดียวที่ต้องปิดคนแรก และเปิดคนสุดท้าย แล้วเราก็ยังเป็นฝ่ายที่โดนตำหนิเสมอว่าเป็นคนทำให้ไวรัสแพร่ระบาด ซึ่งมันไม่จริงเลย ผมว่าเราควรทำให้เหมือนกันทุกคน ทำไมคุณปิดบาร์ได้ แต่ไม่ปิดห้างสรรพสินค้าล่ะ?

มันไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ที่บังคับให้ธุรกิจร้านอาหารและบาร์ต้องปิด โดยที่ไม่มีการช่วยเหลือหรือแผนใดๆ รองรับแบบนี้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่เป็นคนที่ต้องเจอปัญหาเหมือนกับเราด้วย นี่คือสิ่งที่น่าอึดอัดใจมากที่สุด

Q: ปีที่ผ่านมา Tropic City ทำงานกันอย่างไรบ้าง มีการทำอะไรพิเศษๆ บ้างไหม

เซบาสเตียน: พวกเราคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ให้พูดตรงๆ ก็คือ การจะทำโปรเจ็กต์ (เมนูเดลิเวอรี่) หรือทำบริการพิเศษก็ต้องใช้เงินลงทุนเหมือนกัน แล้วก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจด้วย พวกเรามองว่าการทำแบบนั้นเป็นการใช้แรงมากกว่าเดิม ใช้เงินมากกว่าเดิม แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่คุ้ม

อีกอย่างก็คือ Tropic City ไม่ควรกลายเป็นร้านอาหาร พวกเราคือ ‘บาร์’ และพวกเราก็อยากเป็นตัวเองแบบนี้ ผมไม่เชื่อว่าการขายเดลิเวอรีจะช่วยได้ เพราะสิ่งที่คนต้องการจากเราก็คือ การได้มานั่งดื่มที่ Tropic City นั่นคือสิ่งที่พวกเราพยายามสร้างมันขึ้นมาเหมือนกัน

Tropic City
Tropic City

แต่ถึงอย่างไร คุณเซบาสเตียนก็บอกว่าตอนนี้ทีมกำลังวางแผนทำเดลิเวอรี่ น้ำผลไม้คั้นสด ส่วนเหตุผลที่เลือกทำน้ำผลไม้ก็เพราะมีเครื่องมือกับอุปกรณ์ต่างๆ ค่อนข้างพร้อมจากบาร์ อีกทั้งผลไม้ก็เข้ากันกับธีม Tropic City ด้วย ซึ่งความโดดเด่นของพวกเขาก็คือการทำจากผลไม้ 100% อย่างเช่นน้ำมะนาวแท้ๆ เป็นอะไรที่หายาก แต่พวกเขาจะทำให้ได้

และคุณเซบาสเตรียนก็บอกอีกว่า “การเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ไปทำคาเฟ่ หรืออะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง เราจะไม่ทำ เราเลือกที่จะทำสิ่งที่เราสามารถทำต่อไปได้เรื่อยๆ ดีกว่า”

การเปลี่ยนคอนเซ็ปต์ไปทำคาเฟ่ หรืออะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง เราจะไม่ทำ
Tropic City
Tropic City

Q: ถ้าอย่างนั้น ความพิเศษที่ทำให้ Tropic City ติดอันดับบาร์ยอดเยี่ยมใน Asia’s 50 Best Bar คืออะไร

เซบาสเตียน: นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่พวกเรามีชื่ออยู่บนลิสต์นี้ และเราก็ขยับอันดับขึ้นมาเรื่อยๆ พวกเราไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายในสถานการณ์แบบนี้ แต่สุดท้ายพวกเราก็เข้ารอบและมีชื่ออยู่ยนลิสต์ Top 50 ซึ่งการที่เราทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ทำให้พวกเรามีความสุข และอยากจดจำมันไว้ เพราะรางวัลเหล่านี้ทำให้พวกเราสู้ต่อ ไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะกลับมาเปิดบาร์ได้

พวกเราโชคดีมากที่แม้ว่าจะเกิดโควิด แต่ทีมของพวกเราก็ยังอยู่ครบ ทำให้สิ่งที่เราพิเศษก็คือ ความสม่ำเสมอที่พวกเรามีอยู่ตลอด ไม่เคยใช้ทางลัด พวกเราเชื่อในสิ่งที่เราทำ รวมถึงการทำให้ Tropic City เป็นมากกว่าบาร์ค็อกเทล คือเป็นพื้นที่ที่ทุกคนมาสนุกได้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ ดนตรี เครื่องดื่ม หรือการบริการ ทั้งหมดคือภาพรวมที่ผมคิดว่าทำให้พวกเราแตกต่างจากที่อื่น

Q: สิ่งที่คิดว่าทุกบาร์ควรได้รับในสถานการณ์แบบนี้ คือเรื่องอะไร

เซบาสเตียน: ผมเข้าใจว่าพวกเราจำเป็นต้องปิด แต่ทุกอย่างควรออกคำสั่งล่วงหน้าให้เร็วกว่านี้ เพื่อที่ทุกคนจะได้เตรียมตัวทัน และไม่ใช่แค่บาร์เท่านั้น แต่รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ด้วยที่ควรใช้ข้อบังคับเดียวกันด้วย

ผมคิดว่ารัฐบาลควรมีแผนรับรอง ไม่ใช่บังคับให้เราปิดอย่างเดียว หรืออย่างน้อยเมื่อพวกเรากลับมาเปิดได้ ก็อาจลดการเก็บภาษีสัก 1 ปี หรือช่วยเจรจากับเจ้าของที่ดินให้ไม่เก็บค่าเช่าในช่วงที่เราเปิดร้านไม่ได้

รวมถึงเรื่องแรงงาน ค่าจ้างพนักงานด้วย บางทีพวกเราก็ควรได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบ้าง เพราะอย่างในประเทศอื่นที่บังคับให้ธุรกิจต่างๆ ปิดล็อกดาวน์ พวกเขาก็มีเงินสนับสนุนให้

ผมแค่หวังว่าพวกเราจะได้รับการช่วยเหลือบ้างเช่นกัน เพื่อให้พวกเราทำธุรกิจต่อไปได้ มันยากลำบากมาก และพวกเราต้องการความช่วยเหลืออย่างแท้จริง

เรื่องเด่น
    เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณน่าจะชอบ
      การโฆษณา