ถ้าโบสถ์อัสสัมชัญโดดเด่นด้วยการตกแต่งที่วิจิตรตระการตา โบสถ์เซนต์หลุยส์ก็โดดเด่นไปอีกแบบด้วยสถาปัตยกรรมเรียบโก้
ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1955 พระคุณเจ้าหลุยส์ โชแรง ประมุขมิสซังกรุงเทพฯ ในยุคนั้น เห็นว่ามีชาวคริสตังจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในย่านนี้ต้องไปร่วมพิธีกรรมที่วัดอื่นๆ ทั้งที่แต่ละวัดก็มีมากคนมากพออยู่แล้ว จึงได้ริเริ่มการสร้างโบสถ์แห่งนี้ขึ้น โดยเงินส่วนหนึ่งที่ใช้ในการสร้างโบสถ์หลังนี้คือส่วนพระองค์จำนวนหนึ่งรวมกับเงินของญาติพี่น้องชาวต่างชาติของพระองค์และเงินบริจาคจากชาวคริสตังในประเทศไทย
รูปแบบสถาปัตยกรรมของโบสถ์เซนต์หลุยส์เป็นแบบกอธิกผสมผสานกับความร่วมสมัย โดยออกแบบให้มีลักษณะโปร่ง สูง ด้วยเพดานทรงโค้งแหลม และคงไว้ซึ่งความเรียบง่ายด้วยการเลือกใช้อิฐแดงเป็นวัสดุหลัก ผู้ออกแบบคือสถาปนิกชาวไทย แต่ไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร ใช้เวลาไม่นานนัก การก่อสร้างก็แล้วเสร็จและมีพิธีเสกไม้กางเขนในวันที่ 25 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1956 และหนึ่งปีหลังจากนั้นพระสังฆราชโชแรงก็ได้แต่งตั้งคุณพ่อมีแชล ลังเยร์ เป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดเซนต์หลุยส์
ชื่อวัดเซนต์หลุยส์ตั้งเพื่อถวายเกียรติแด่นักบุญหลุยส์ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ซึ่งเป็นศาสนนามของพระคุณเจ้าหลุยส์ โชแรง ปัจจุบันผ่านมา 61 ปีแล้ว แต่หน้าตาของโบสถ์หลังนี้ยังดูใหม่เอี่ยมอ่องทั้งภายในภายนอก อาจจะเป็นเพราะวัสดุหลักที่ใช้นั้นเป็นอิฐแดงทั้งหลังจึงง่ายต่อการดูแลรักษา
นอกจากจะดูใหม่แล้ว โบสถ์หลังนี้ยังมีความเรียบง่ายและดูโมเดิร์น ตั้งแต่ด้านนอกจนถึงด้านในไม่ได้มีการตกแต่งที่วิจิตรอะไรมากนัก แต่ออกไปทางเรียบหรูมากกว่า ทั้งพื้นทางเดิน ผนัง เสา เป็นอิฐแดงทั้งหมด ส่วนฝ้าเพดานก็เป็นสีขาวสะอาดตา ติดเพียงหลอดไฟไว้แค่นั้น
ช่องหน้าต่างทรงโค้งแหลมตามแบบสถาปัตยกรรมกอธิกนั้นก็ไม่ได้มีงานกระจกสีให้เห็นเหมือนโบสถ์หลายๆ แห่ง แต่ถูกแทนด้วยกระจกใสกับโครงเหล็กสีดำ เมื่ออยู่รวมกับผนังอิฐแล้วจึงทำให้เป็นโบสถ์ที่ดู ‘เท่’ ไม่เบาเลย ซึ่งนอกจากจะดูเท่แล้วยังช่วยให้แสงสาดส่องเข้ามาเพิ่มความสว่างในโบสถ์ได้ด้วย เช่นเดียวกับเพดานเหนือพระแท่นที่เป็นช่องแสงขนาดใหญ่
ภายในโบสถ์มีประติมากรรมพระเยซูถูกตรึงบนไม้กางเขนประดิษฐานอยู่ด้านหลังพระแท่น โดดเด่นที่สุด ส่วนด้านซ้ายคือรูปจำลองเซนต์หลุยส์และด้านขวาคือพระแม่มารีย์ นอกจากนี้รอบๆ โบสถ์จะเป็นประติมากรรมนูนต่ำของรูป 14 ภาค เช่นเดียวกับที่โบสถ์กาลหว่าร์
ตามกำหนดการเสด็จเยือนไทยของโป๊ปฟรังซิสครั้งนี้ ในวันที่ 21 พฤศจิกายนพระองค์จะเสด็จอวยพรผู้ป่วยที่โรงพยาบาลเซนหลุยส์ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโบสถ์เซนต์หลุยส์และแห่งนี้ด้วย