กราบพระ ไหว้เจ้า เสริมสิริมงคลใน 10 วัดและศาลเจ้ารอบกรุงเทพฯ

ตัวศาลเจ้าเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนแต้จิ๋ว เสาเป็นรูปทรงเม็ดข้าวมีมังกรพันรอบ ภายในศาลมีแท่นบูชาเล่งบ๊วยเอี๊ยะหรือเทพเจ้าหางมังกรเป็นประธานพร้อมกับภริยา ฝั่งซ้ายตั้งแท่นบูชาเทพเจ้ากวนอูและฝั่งขวาเป็นแท่นบูชาพระแม่สวรรค์ มีวัตถุโบราณหลายชิ้นถูกเก็บไว้ที่นี่ ทั้งป้ายจารึกโบราณสมัยราชวงศ์ชิงและราชวงศ์หมิง มีระฆังโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเต้ากวง แห่งราชวงศ์ชิง และมีกระถางธูปทองเหลืองพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ศาลเจ้าหลีตี๊เมี๊ยว แห่งย่านพลับพลาไชย สร้างขึ้นราวปี 2445 เคยถูกไฟไหม้หนักเมื่อปี 2531 สมาคมฮากกา (จีนแคะ) เลยสร้างขึ้นมาใหม่และได้ผสมผสานสถาปัตยกรรมระหว่างศาลเจ้าและพระราชวังจีนเข้าด้วยกัน สังเกตตรงทางขึ้นจะเป็นบันไดสูงหลายขั้นแบบที่เห็นในหนังจีนย้อนยุคหลายๆ เรื่องเลย มีเทพประธานคือ ลื่อทงปิน เทพโป๊ยเซียนองค์ที่ 3 ภายในศาลเจ้ามีจิตรกรรมฝาผนังเป็นภาพวาดแบบจีน นอกจากจะได้กราบไหว้เทพเจ้ากันตามศรัทธาแล้ว ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งไฮไลต์เป็นการเสี่ยงเซียมซียา

ศาลเจ้าเกียนอันเก็งเป็นศาลเจ้าพุทธมหายาน อาคารศาลเจ้าสร้างตามสถาปัตยกรรมแบบฮกเกี้ยนผู้สร้างมีฝีมือด้านการแกะสลักไม้ ทำให้งานแกะสลักไม้ที่โถงด้านหน้าศาลมีความละเอียดและโดดเด่นกว่าที่อื่น มีพระโพธิสัตว์กวนอิมปางสมาธิ ทำจากไม้จันทร์แกะสลักปิดทอง เป็นองค์ประธาน ส่วนที่เป็นไฮไลต์คือภาพวาดปูนเปียกบนผนังด้านในสุดของศาลเจ้า เล่าเรื่องสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ ด้วยความงดงามที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี ทำให้ศาลเจ้าเกียนอันเก็งได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ในปี พ.ศ. 2551

ใครแวะมาที่นี่จะได้รับการเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของมูลนิธิเทียนฟ้า มูลนิธิแห่งแรกของประเทศไทยที่ทำการรักษาผู้ป่วยยากไร้โดยไม่เลือกชนชั้น ไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา มาตั้งแต่ปี 2445 แล้ว ข้างหน้าของมูลนิธิยังมีศาลเจ้าแม่กวนอิม อันเป็นที่พึ่งทางใจที่ผู้คนนิยมมาขอพรให้ปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บตลอดทั้งวัน โดย มีเจ้าแม่กวนอิม พระโพธิสัตว์ อวโลกิเตศวร ปางประทานพร สีทองเหลืองอร่าม เป็นเทพเจ้าองค์ประธาน

วัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพไท้ส่วยเอี๊ย ที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา มีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละปีเลยทำให้วัดนี้กลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของคนปีชงที่ต้องการเสริมดวงชะตา สร้างเมื่อปี 2414 ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบจีนแต้จิ๋ว นอกจากเทพไท้ส่วยเอี๊ยที่คนนิยมมาไหว้เพื่อแก้ปีชงแล้ว ภายในวัดมังกรยังมีเทพเจ้ามากถึง 58 องค์ โดยมีพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระอมิตาภพุทธเจ้า และพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เป็นพระประธานของวัด ซึ่งทั้ง 3 องค์ เรียกรวมกันว่า ซำป้อฮุกโจ้ว

วัดทิพยวารีวิหาร หรือชื่อเดิม กัมโล่วยี่ (หมายถึง วัดที่มีบ่อน้ำศักสิทธิ์) วัดฝ่ายสงฆ์นิกายจีนที่ก่อตั้งตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี มีลักษณะเป็นอาคารทรงสูงหลายชั้น และเต็มไปด้วยประติมากรรมและจิตรกรรมที่เกี่ยวข้องกับมังกรด้านใน เช่น เพดานที่เพนต์เป็นลวดลายมังกรสีสันสดใส หรือ เสาประดับรูปปั้นมังกร เพราะที่นี่เป็นที่ประดิษฐานของ ‘เทพเจ้ามังกรเขียว’ ซึ่งคอยปกปักษ์รักษาบ่อน้ำทิพย์โบราณอายุกว่า 200 ปีอยู่ ซึ่งผู้คนนิยมมาขอพรให้คุ้มครองดวงชะตา เสริมพลังบารมี รวมถึงแก้ชง

วัดบำเพ็ญจีนพรต เป็นวัดของคณะสงฆ์จีนนิกายที่เก่าแก่และมีขนาดเล็กที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ว่ากันว่าสร้างโดยชาวจีนในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ราวๆ ปี 2338 วัดเล็กๆ แห่งนี้ มีวิหารพระรัตนตรัยที่เล็กที่สุดในประเทศไทย ด้วยความกว้าง 7.80 เมตร ยาว 10.20 เมตร ภายในวิหารมีองค์พระประทาน 3 องค์ ที่ชาวจีนเรียกว่าซำป้อฮุกโจ้ว ประดิษฐานอยู่ (เหมือนที่วัดมังกรฯ)