คนชื่นชอบงานศิลปะและรักการฮอปปิ้งไปตามแกลเลอรีต่างๆ ต้องไม่พลาดงานนี้กันอยู่แล้ว เพราะเทศกาล Galleries' Nights Bangkok เป็นงานศิลปะครั้งสำคัญที่จะจัดขึ้นเพียงปีละครั้ง โดยภายในงานจะมีแกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ และนิทรรศการต่างๆ เปิดให้ทุกคนเข้าชมได้ตลอดคืนแบบไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ แถมมีการจัดบริการ ‘รถตุ๊กตุ๊ก’ ไว้คอยรับส่งทุกคนตามเส้นทางที่เข้าร่วมงานอีกด้วย
ในปีนี้ เทศกาล #GNBKK2021 กลับมาเป็นครั้งที่ 8 กับคอนเซ็ปต์ว่า “Art is the Solution” หรือ ศิลปะคือทางออก ซึ่งทุกครั้งที่ผ่านมางานนี้จะเกิดขึ้นโดยการสนับสนุนของ สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ที่เป็นผู้นำโมเดลเทศกาลศิลปะนี้มาจากกรุงปารีส โดยหากเป็นเทศกาลต้นฉบับจะจัดเพียงคืนเดียวเท่านั้น แต่เนื่องจากได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากคนกรุงเทพฯ เทศกาล Galleries Nights Bangkok จึงเริ่มขยายการจัดงานเป็น 2 ค่ำคืน
วันนี้เราเลยอยากชวนทุกคนมาพูดคุยกับตัวแทนของกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังโปรเจ็กต์ดีๆ แบบนี้ ซึ่งก็คือ Thierry Bayle ทูตวัฒนธรรมจากสถานทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย และ อัสมะ - เยาวนันท์ เส็นติระ ผู้จัดการโปรเจ็กต์ Galleries Nights Bangkok ซึ่งเธอเป็นหนึ่งในคนที่ร่วมจัดงานนี้กับสถานทูตฝรั่งเศสฯ มาตั้งแต่ครั้งแรกๆ
เล่าถึงการจัดงานปีที่แล้วให้ฟังหน่อย
อัสมะ: สำหรับเทศกาลปีที่แล้วจัดขึ้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เรามีจำนวนผู้เข้าชมประมาณ 18,000 คน แม้จะน้อยลงกว่าปีก่อนหน้า (เมื่อปี 2019) เพราะเป็นช่วงโควิดเริ่มระบาด ทำให้หลายคนไม่อยากออกจากบ้านเท่าไหร่ แต่สำหรับพวกเราก็ยังเป็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจเสมอ เนื่องจากมีหลายคนตั้งตารอเทศกาลนี้เพราะจะเกิดขึ้นเพียงปีละครั้ง และเป็นไม่กี่คืนที่ทุกคนจะได้เข้าชมแกลเลอรีต่างๆ พร้อมกัน และฉันก็คิดว่า “รถตุ๊กตุ๊ก” ก็เป็นอีกสิ่งดึงดูดที่ทำให้หลายคนอยากมาร่วมงานด้วย เพราะมันสื่อถึงบรรยากาศความเป็นกรุงเทพฯ ได้ดีมาก
แล้วการจัดอีเวนต์ #GNBKK2021 ในสถานการณ์ปีนี้ล่ะ
เธียรี่: พวกเราตัดสินใจว่าจะทำโปรเจ็กต์ Galleries Night 2021 เมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน พวกเราพูดคุยกับทีมและคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ เพราะที่ผ่านมาแกลเลอรีและศิลปินไม่สามารถจัดแสดงงานได้ ผมมองว่ามันเป็นช่วงเวลาที่มืดมนสำหรับหลายๆ คน แต่หลังจากรอกฎระเบียบต่างๆ เสร็จสิ้น พวกเราก็เริ่มตัดสินใจทำอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการให้ความหวังแก่ผู้คน และเพื่อสนับสนุนวงการศิลปะ แกลเลอรี และสร้างพื้นที่ให้ศิลปินได้แสดงออก
พวกเราทำงานร่วมกับแกลเลอรีต่างๆ ผ่านทางออนไลน์ พวกเราถามความเห็นของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยและต้องการเข้าร่วมเทศกาลนี้
ความท้าทายของงานในปีนี้
เธียรี่: โปรเจ็กต์ #GNBKK เป็นงานที่ใหญ่มากเมื่อเทียบกับทีมเล็กๆ ของเรา ทีมสถานทูตฝรั่งเศสฯ มีเพียง 5 คนเท่านั้น และเราทำงานร่วมกับคุณอัสมะที่เป็นคนเริ่มจัดงานนี้กับเรามาตั้งแต่ครั้งแรกๆ ส่วนอีกความท้าทายหนึ่งก็คือ การสื่อสารกับสาธารณะ พวกเราพยายามออกแบบกราฟิกใหม่ ภาพลักษณ์ใหม่ เราอยากสื่อถึงแสงสว่างที่อยู่ในความมืดมิดยามค่ำคืน ซึ่งคอนเซ็ปต์ของอีเวนต์นี้จะเหมือนกับเทศกาล The Sleepless Night ในกรุงปารีส ทุกคนจะเดินชมพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีในตอนกลางคืนได้เฉพาะคืนเดียวเท่านั้น
“คอนเซ็ปต์ของอีเวนต์นี้จะเหมือนเทศกาล The Sleepless Night ในกรุงปารีส ทุกคนจะเดินชมพิพิธภัณฑ์และแกลเลอรีในตอนกลางคืนได้เฉพาะคืนเดียวเท่านั้น”
แต่สำหรับอีเวนต์ในกรุงเทพฯ จะเห็นว่าเราเติม ‘S’ หลังคำว่า Night เพราะที่นี่เราไม่ได้จัดแค่คืนเดียว โดยเฉพาะปีนี้จะมีเทศกาลทั้งหมด 4 คืน คือ ในกรุงเทพฯ และบางแสน รวมถึงพวกเราจะพยายามจัดงานช่วงเดือนพฤศจิกายนในทุกๆ ปีด้วย เพราะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีทั้งเรื่องบรรยากาศและช่วงเวลา
อัสมะ: สำหรับงานที่บางแสน พวกเราทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งฉันรู้จักอาจารย์ท่านหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในกรุงปารีสมานาน และรู้จักงาน The Sleepless Night เป็นอย่างดี ซึ่งเธอเองก็อยากร่วมงานกับเราเช่นกัน โดยในปีแรก Galleries Night Bangkok (เมื่อปี 2013) ก็จัดเพียงคืนเดียวเท่านั้น แต่พวกเรามองว่ามันไม่พอจริงๆ
ธีม “Art is the Solution” มีที่มาอย่างไร
เธียรี่: พวกเรามีหลายธีมที่คิดไว้ว่าอยากทำ แต่หลังจากคิดถึงความเหมาะสม ทั้งเรื่องความมืดมิดและเหตุการณ์โควิด พวกเราได้พูดคุยกันและเชื่อว่าเทศกาลนี้สามารถเป็น ทางออก (Solution) หนึ่งได้ เราไม่ได้หมายความว่ามันจะแก้ไขเหตุการณ์ต่างๆ อาทิ การเมือง ทัศนคติ สิ่งแวดล้อม แต่พวกเราต้องการทำให้เห็นว่าเทศกาลนี้สามารถ “ช่วย” ให้คุณตามหาทางออกที่เป็นไปได้ได้ เพราะผมเองเช่ือว่าทั้งศิลปินและคนทั่วไปล้วนมีความคิดของตัวเอง และเราจะได้ค้นหาคำตอบเหล่านั้นผ่านผลงานของพวกเขา
อัสมะ: Galleries Nights เป็นงานที่เปิดกว้างทางความคิดมากๆ พวกเราไม่จำกัดเนื้อหาที่จัดแสดง ฉันคลุกคลีอยู่ในวงการศิลปะ และฉันมั่นใจว่างานศิลปะก็เป็นทางออกหนึ่งได้เช่นกัน การได้จัดอีเวนต์นี้จึงเป็นเรื่องดีที่เราจะได้นำเสนอและทำให้ผู้เข้าชมค้นพบบางอย่างด้วย
เธียรี่: ถูกต้อง การจัดแสดงในเทศกาลนี้มีทั้งธีมเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ ดิจิทัล Holy Spirit การเมือง การเหยียดเชื้อชาติ สิ่งแวดล้อม หรือ โรคระบาดที่จะเลี่ยงพูดถึงก็คงไม่ได้ อีเวนต์ของเราเปิดกว้างมากจริงๆ เพราะแบบนี้จึงสามารถสื่อสารได้กับทุกคน
“พวกเราต้องการทำให้เห็นว่าเทศกาลนี้สามารถ ‘ช่วย’ ให้คุณตามหาทางออกที่เป็นไปได้”
กลุ่มเป้าหมายที่คาดหวังของงานในปีนี้เป็นอย่างไร
เธียรี่: พวกเราพยายามสื่อสารกับคนไทยมากขึ้น อีเวนต์นี้ทำเพื่อคนกรุงเทพฯ ที่ชอบศิลปะโดยเฉพาะ และเราคาดหวังให้เด็กรุ่นใหม่ นักศึกษา หรือคนชอบงานศิลปะมาเข้าร่วมงานมากขึ้น รวมถึงคนชอบบรรยากาศยามค่ำคืน แม้ครั้งนี้เราจะจัดอีเวนต์จนดึกมากไม่ได้ แต่เราก็พยายามขยายเวลาโดยการเริ่มตั้งแต่บ่าย 3
พวกเราพยายามทำงานกันอย่างเต็มที่ และสื่อสารข้อความออกไปให้ทุกคนรู้จัก ด้านคุณอัสมะก็ช่วยแนะนำแกลเลอรีใหม่ๆ ศิลปินหน้าใหม่ให้เข้ามาร่วมงานครั้งนี้ พวกเราหวังว่าอีเวนต์จะน่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มคนใหม่ๆ ได้มากขึ้น
การทำงานร่วมกับแกลเลอรีและศิลปิน
อัสมะ: งานของเรามีกฎระเบียบน้อยมาก พวกเราจะเปิดให้แกลเลอรีลงชื่อเข้ามาได้เลย ส่วนใหญ่แกลเลอรีต่างๆ จะรู้จักกันเองอยู่แล้ว พวกเขาสามารถเลือกศิลปินมาจัดแสดงผลงานได้อย่างอิสระ พวกเราทำหน้าที่แค่ประชาสัมพันธ์และดูแลการอำนวยความสะดวกในงาน ส่วนเรื่องชิ้นงานที่จัดแสดงเราปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา และพวกเราเองก็จะได้เห็นผลงานชิ้นสมบูรณ์พร้อมๆ กับทุกคน
เธียรี่: ทีมสถานทูตฝรั่งเศสฯ มีหน้าที่ติดต่อจัดการอีเวนต์เท่านั้น ปีนี้มีประมาณ 30 เส้นทาง เราจัดหาตุ๊กตุ๊กมาให้ 70 คัน รวมถึงจัดหาอาสาสมัครที่คอยดูแลตามจุดต่างๆ ให้ด้วย ส่วนชิ้นงานหรือนิทรรศการที่จัดแสดงจะเป็นหน้าที่ของแกลเลอรี พวกเราไม่ได้กำหนดว่าธีมประจำปีคืออะไร หรือคุณต้องพูดถึงอะไร
พูดถึงไฮไลท์ของงาน #GNBKK2021
เธียรี่: งานของเรามีศิลปินชื่อดังหลายคนมาก บางคนร่วมจัดแสดงทั้งในกรุงเทพฯ และบางแสน แต่พวกเราอยากให้ทุกคนออกไปค้นพบด้วยตัวเอง พวกเราไม่อยากโฟกัสแค่ศิลปินที่มีชื่อเสียงอย่างเดียว
อัสมะ: สำหรับฉันเองก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันที่จะเลือกไฮไลท์ของงานขึ้นมา เพราะพวกเรามีศิลปินหลายสไตล์ ฉันเองก็มีศิลปินที่ชอบเป็นพิเศษเช่นกัน และฉันก็เชื่อว่าทุกคนก็มีความชอบเป็นของตัวเอง อีกอย่างฉันอยากให้ทุกคนได้รู้จักศิลปินใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย การพูดถึงศิลปินมีชื่อเสียงอย่างเดียว มันไม่ง่ายเลยที่จะไม่พูดถึงศิลปินหน้าใหม่ เพราะวันหนึ่งพวกเขาก็จะกลายเป็นศิลปินมีชื่อเสียงได้เช่นกัน
พวกเราจึงอยากเปิดพื้นที่กว้างตรงนี้ไว้สำหรับทั้งศิลปินและผู้ชม เพื่อให้ทุกคนได้ค้นหาสิ่งใหม่ๆ ด้วยตัวเอง เราอยากให้คุณเป็นผู้เลือกว่าใครน่าสนใจ มิเช่นนั้นก็เป็นเพียงความเห็นจากพวกเราอย่างเดียว เพราะสำหรับตัวฉันเองแล้ว โปรเจ็กต์นี้ไม่ใช่แค่งานศิลปะ แต่เป็นงานที่ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ทุกครั้งเช่นกัน
เธียรี่: เมืองไทยเต็มไปด้วยคนมีความสามารถมากมาย พวกเราไม่สามรถเลือกเพียงไม่กี่ชื่อขึ้นมาได้ ศิลปินทุกคนมีสิ่งที่อยากพูด ผมอยากแนะนำให้ทุกคนเริ่มจากแกลเลอรีใกล้ตัว แล้วค่อยนั่งตุ๊กตุ๊กไปชมแกลเลอรีอื่นต่อไปเรื่อยๆ
และพวกเราหวังว่างานนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ให้ใครหลายๆ คน อีเวนต์ครั้งนี้เป็น Special Edition ที่จะจัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ และบางแสน อีกทั้งเป็นอีเวนต์ที่ทุกคนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่าจะตุ๊กตุ๊ก เครื่องดื่ม หรือการเข้าชมนิทรรศการ ผมอยากให้ทุกคนมาเข้าร่วมและหาคำตอบเป็นของตัวเอง
เทศกาล Galleries Nights “Art is the Solution” จะเริ่มจัดในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน 2564 และในบางแสน ตั้งแต่วันที่ 3 - 4 ธันวาคม 2564 โดยการจัดแสดงในโซนกรุงเทพฯ จะแบ่งเป็น 2 วัน ดังนี้
26 พ.ย. — สีลม / สาทร / ริมน้ำ
27 พ.ย. — อารีย์ / ประทุมวัน / สุขุมวิท
สามารถดูแผนที่และรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.galleriesnights.com